“หอการค้าไทย” ชี้ดัชนีเชื่อมั่น พ.ย. ขยายตัว ลุ้นปี 68 “จีดีพี” ไทยโต 3.8%
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ปรับตัวดีขึ้น ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโต 2.8-3.8%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2567 ปรับตัวดีขึ้นจาก 56.0 เป็น 56.9 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในรอบ 9 เดือน โดยสัญญาณความเชื่อมั่นได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังต่ำกว่า 100 เนื่องจากผู้บริโภคยังมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาสที่ยืดเยื้อ ทำให้กำลังซื้อในประเทศยังคงอ่อนแอ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต คาดว่าจะดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงปีหน้า จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะปรับตัวดีต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้จะเติบโต 3.5-4% และเติบโตต่อเนื่องจนถึงปีหน้า โดยมีผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น มาตรการช่วยเหลือชาวนา มาตรการแจกเงินหมื่นเฟส 2 และมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุ รวมถึงมาตรการแก้หนี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่เศรษฐกิจประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยดันจีดีพีให้โตขึ้น 0.5-0.7% และลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจาก 89% เป็น 87% ในปีหน้า หากรวมทั้ง 3 มาตรการจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 1.6-1.8 แสนล้านบาท ช่วยให้จีดีพีปีหน้าเติบโตได้ถึง 1.5% หากไม่เกิดผลกระทบจากสงครามการค้า โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโต 2.8-3.8%
“นอกจากนี้ มาตรการแก้หนี้จะช่วยให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ฟื้นตัว และช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถประคองธุรกิจได้ต่อไป เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่วนผลงานของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนแรก แม้ความตั้งใจในการทำงานจะได้รับเกรดเอ แต่ผลงานจริงได้รับเกรดซีบวก ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์ เพราะรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย” นายธนวรรธน์ กล่าว