EA เล็งขาย ‘อีเอ โซล่า พิษณุโลก’ 8 พันล้าน หวังปลด “หนี้แบงก์-หุ้นกู้” ปีหน้า

บอร์ด EA ไฟเขียวขายโครงการ “โรงไฟฟ้าอีเอ โซล่า พิษณุโลก” 90 เมกะวัตต์ มูลค่า 8 พันล้านบาท หวังนำเงินชำระหนี้แบงก์-หุ้นกู้จะครบกำหนดปี 68 กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท คาดธุรกรรมเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2568 จับตาชงที่ประชุมผู้ถือหุ้นไฟเขียว 31 ม.ค. 68


นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่าย ทรัพย์สินในโครงการโรงไฟฟ้าของ บริษัท อีเอ โซล่า พิษณุโลก จำกัด (ESP) รวมถึงอนุมัติกรอบและหลักการเกี่ยวกับการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าวในการจำหน่ายทรัพย์สินนี้อาจอยู่ในรูปแบบการ จำหน่ายหุ้นสามัญใน ESP ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของ โครงการโรงไฟฟ้า ESP หรือการโอนสิทธิหรือผลประโยชน์จากการประกอบกิจการผลิตและจำหน่าย กระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของ ESP ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด

โดยมีมูลค่าการเสนอขายตามมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) หรือตามมูลค่าเสนอขายโครงการโดยมูลค่าการเสนอขายดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่า 8,000.00 ล้านบาท ให้กับบุคคลหรือนิติบุคคล รายหนึ่งหรือหลายราย โดยกลุ่มบุคคล และ/หรือนิติบุคคลดังกล่าวต้องมีจำนวนรวมกันไม่เกินสิบราย และไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ เพื่อเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการทางการเงินและชำระหนี้สินของบริษัท

ทั้งนี้ ESP เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในจังหวัดพิษณุโลก และมีขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์

โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ลงทุน รวมทั้งการพิจารณากำหนดรูปแบบการเข้าทำรายการ โดยอาจจะเข้าทำรายการในรูปแบบ ดังต่อไปนี้

1.การจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดหรือบางส่วนใน ESP โดยบริษัทฯจะเจรจากับผู้ลงทุนเพื่อกำหนดให้ สิทธิกับผู้ขาย และ/หรือ บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯในการซื้อหุ้นสามัญของ ESP บางส่วนหรือทั้งหมดคืนจากผู้ลงทุนภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรม การจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสมบูรณ์ (Completion Date) ในราคาที่ตกลงกันต่อไปโดยมีมูลค่าไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่จะกำหนดในสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไปหรือ

2.การโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP โดยบริษัทฯจะเจรจากับผู้ลงทุนเพื่อกำหนดให้สิทธิกับผู้ขาย และ/หรือ บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯในการซื้อและรับโอน ทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP คืนจากผู้ลงทุน ภายหลังจากครบกำหนด ระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสมบูรณ์ (Completion Date) ในราคาที่ตกลงกันต่อไป โดยมีมูลค่าไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่จะกำหนดใน สัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป หรือ

3.การโอนสิทธิหรือผลประโยชน์จากการประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงาน แสงอาทิตย์ของ ESP ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยมีระยะเวลาไม่ เกิน 25 ปี

นอกจากนี้ที่ประชุมฯได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการมอบอำนาจให้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีอำนาจในการเจรจาในหลักการ เงื่อนไข และข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อเข้าทำธุรกรรมการ จำหน่ายทรัพย์สินให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ

โดยในเบื้องต้นบริษัทฯคาดว่าการเจรจาเงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ รวมถึงการเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องและเงื่อนไข บังคับก่อนทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 ซึ่งบริษัทฯคาดว่าธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2568 เป็นอย่างช้า

สืบเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีภาระเงินกู้ยืมที่ต้องชำระโดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินรวมจำนวน ทั้งสิ้นประมาณ 27,498.20 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 31,166.00 ล้านบาท โดยในปี 2568 บริษัทฯมีภาระทางการเงินที่ต้องชำระเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นกู้เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 15,194.06 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,744.06 ล้าน บาท และหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,450.00 ล้านบาท

ด้วยเหตุนี้การเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวจะช่วยลดภาระเงินกู้ยืมของบริษัทฯจำนวน 4,365.18 ล้านบาท ที่ ESP มีภาระที่ต้องชำระต่อสถาบันการเงิน (อ้างอิงจากงบการเงินสอบทานโดยผู้สอบบัญชีของ ESP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567)

นอกจากนี้เงินที่ได้รับจากการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน (หลังหักภาษีและค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้อง) สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ ต่อไป โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้

1.บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากการทำธุรกรรมหลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะนำเงินที่จะ ได้รับไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมของโครงการ ESP จำนวน 4,365.18 ล้านบาท และชำระคืนหนี้เงินกู้ยืม ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินของบริษัทฯ และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ เพื่อเป็นการลดภาระ หนี้สิน และต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ และจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ซึ่งส่งผลให้บริษัทมี ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น

2.บริษัทฯ จะสามารถนำเงินที่จะได้รับไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่อง สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

3.บริษัทฯจะสามารถนำเงินที่จะได้รับไปใช้ในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ เพื่อสร้าง ผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงที่คาดว่าธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสิ้น หากมีการคำนวณขนาดรายการได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยอ้างอิงจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 แล้ว บริษัทฯคาดว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ขนาดรายการสูงสุดจะเกินกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 100

ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ จึงพิจารณาให้เปิดเผยข้อมูลการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระและขออนุมัติการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวต่อที่ประชุมผู้ถือ

ในการนี้ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้ง บริษัท ฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ จำกัด ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัทฯ เพื่อจัดทำรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ และนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน ของบริษัทฯซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ

ทั้งนี้ที่ประชุมฯได้มีมติอนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2568 ในวันที่ 31 มกราคม 2568 โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568  (Record Date) ในวันที่ 7 มกราคม 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ในโครงการโรงไฟฟ้า อีเอ โซล่า พิษณุโลก โดยกำหนดกรอบและหลักการเกี่ยวกับการจำหน่ายสินทรัพย์ โดยมีมูลค่าการเสนอขายตามมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) หรือ ตามมูลค่าเสนอขายโครงการ รวมทั้งการมีสิทธิซื้อทรัพย์สินคืนภายหลังจากระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสิ้น และการมอบอำนาจให้ คณะกรรมการบริษัทดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทฯ

Back to top button