CPAXT เปิดใจครั้งแรก! เบื้องหลังลงทุน “Happitat” กว่า 8 พันล้าน กับกระแส “ธรรมาภิบาล”

CPAXT เปิดใจเคลียร์ปมเข้าลงทุน “Happitat” มูลค่าเฉียด 8 พันล้าน ย้ำเป็นการลงทุนตามปกติ จ่อเปิด Lotus’s Mall บางนา ปี 69 และเริ่มมีกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 70 เป็นต้นไป พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ “ธรรมาภิบาล”


นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มสายงานธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้ เป็นการเข้าลงทุนใน The Happitat ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ The Forestias

โดยเป็นการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของบริษัท ที่ต้องการทำศูนย์กลางชุมชน และมองว่า The Happitat เป็นโครงการที่จะสามารถตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ของบริษัทได้ จึงเป็นเหตุผลที่บริษัทตัดสินใจเข้าลงทุน

“เราไม่ได้ไปลงทุนในโครงการ Forestias ซึ่งอันนี้เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อน เราเข้าไปลงทุนผ่านบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อเข้าไปถือหุ้น 100% ใน Happitat ซึ่งได้มาเพียงแค่สินทรัพย์ในส่วนของศูนย์การค้า ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกันกับ Forestias” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า โครงการ Happitat ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) เนื่องจากมีในส่วนของออฟฟิศ 10 ชั้นอยู่ในตึกหลังเดียวกันด้วย ทำให้เกิดการตีความว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทไม่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเราก็ทบทวนในส่วนนี้ และอาจหาพันธมิตรมาช่วยทำอยู่แล้ว

“การลงทุนใน Happitat เราตั้งใจจะทำเป็น Lotus’s ขนาดใหญ่ เป็นโมเดลใหม่ เนื่องจากตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางชุมชน ซึ่งจะเป็นรายได้หลัก ส่วนของออฟฟิศเราไม่ได้จัดการเอง แต่มองว่าจะช่วยเสริม เนื่องจากปกติแล้วในช่วงวันธรรมดาของศูนย์การค้าจะมีคนใช้บริการน้อย การได้ออฟฟิศมาจะช่วยเติมเต็มในส่วนที่หายไป” นายสมพงษ์ กล่าว

สำหรับโครงการ Happitat ซึ่งต่อไปจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s Mall บางนา ประกอบไปด้วย 3 ตึกที่สามารถเดินเชื่อมกันได้ ซึ่งภายในตึกจะเป็นในส่วนของศูนย์การค้า ร้านอาหาร ฟิตเนส เอนเตอร์เทนเมนต์เซ็นเตอร์ และเชื่อมโยงกับออฟฟิศด้านบน และมีพื้นที่ในการจัดอีเวนต์ ซึ่งตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การพัฒนาร้านให้เป็นศูนย์กลางชุมชน

โดยการลงทุนในครั้งนี้ บริษัทได้มีการวางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากเล็งเห็นถึงทำเลที่โดดเด่นของ Happitat จึงได้มีการเช่าพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร อยู่ในโครงการนี้อยู่แล้ว และเชื่อว่าบริษัทจะต่อยอดโครงการนี้ให้มีมูลค่าที่ใหญ่กว่าเดิมได้ในอนาคต

ส่วนประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องการทำรายการที่เกี่ยวโยงนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นั้นมีเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าแบบไหนเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน

แต่หากพูดในมุมมองของผู้บริหาร ตนมองว่าการเข้าไปลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการกำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เนื่องจากการทำงานในทุกวันก็จะต้องมองหาที่ดินเพื่อนำมาลงทุนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นนี่ถือเป็นวิถีการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท ดังนั้นเมื่อมีโอกาสในการเข้าลงทุนใน Happitat เข้ามา ตนก็มีหน้าที่ในการนำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาตามขั้นตอน

“ยืนยันว่ากระบวนการลงทุนของเราถูกต้องตามขั้นตอน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ ตั้งแต่การเข้าไปทำ Due Diligence การจ้างผู้ประเมินทรัพย์สิน รวมถึงกระบวนการขออนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการบริษัท” นายสมพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ ไม่ถือว่าผิดปกติ แต่เป็นกระบวนการพิจารณาการลงทุนที่เกิดขึ้นเป็นปกติของการทำธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก การเข้าไปในทำเลนี้พิจารณาจากเงื่อนไขการลงทุนเป็นหลัก โดยเชื่อว่าทำเลถูกต้อง ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ ด้านผลตอบแทนการลงทุนอยู่ในระดับที่เราพิจารณาอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังคำนึงถึงผลตอบแทนของบริษัท และผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะรายย่อยเป็นหลัก

“เราตั้งเป้าว่าจะเปิดโครงการนี้ในปี 69 ซึ่งจะเริ่มมีเม็ดเงินไหลเข้ามา และในปี 70 จะเริ่มเห็นกำไร” นายสมพงษ์ กล่าว

ส่วนประเด็นเรื่องคู่แข่งที่อยู่รอบด้าน ทั้ง Bangkok Mall และ Mega Bangna ตนมองว่าทุกพื้นที่มีคู่แข่งทางธุรกิจหมด ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่บางนา แต่บริษัทมีความพร้อมที่จะปรับปรุงรูปแบบศูนย์การค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าในชุมชนนั้นๆ ให้ดีที่สุด

สำหรับประเด็นเรื่องธรรมาภิบาลนั้นบริษัทไม่ค่อยมีความกังวล เนื่องจากมองว่าการลงทุนครั้งนี้เป็นการทำงานปกติ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของบริษัท โดยไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร เนื่องจากเป็นการลงทุนเพื่อประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน บริษัทได้จับจดหมายเชิญในการเข้าชี้แจงในประเด็นธรรมาภิบาลจากทางนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ซึ่งอยู่ในช่วงนัดวันเข้าให้ข้อมูล

อย่างไรก็ตาม นายสมพงษ์ เชื่อว่า จุดที่ตั้งของโครงการจะสามารถสู้กับคู่แข่งเดิมที่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่านบางนา รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังก่อสร้างใหม่ เพื่อเป็นหนึ่งทางเลือกให้คนในพื้นที่นี้

Back to top button