แรงขาย “ไฟแนนซ์-ค้าปลีก” นำตลาด กด SET บ่ายไหลต่อ 17 จุด
SET บ่ายไหลต่อ 17 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ กังวลเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปี 68 เพียง 2 ครั้ง ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า แรงเทขายหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ และค้าปลีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ธ.ค.67) ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย ณ เวลา 15:25 น. อยู่ที่ 1,382.41 จุด ลดลง 16.54 จุด หรือ 1.18% สูงสุดที่ 1,394.26 จุด ต่ำสุดที่ 1,380.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,873.26 ล้านบาท
โดยตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายปรับตัวลงกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ กังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยปี 68 เพียง 2 ครั้ง ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า กดดันเงินทุนต่างชาติให้ไหลออกด้วย ส่วนด้านปัจจัยในประเทศ มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์ และค้าปลีก
บล.พาย ระบุว่า เฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง น้อยกว่าในเดือน ก.ย. ที่คาดจะปรับลด 4 ครั้ง ซึ่งไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะทั้งตลาดทุนและตลาดเงินได้ส่งสัญญาณบางส่วนไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสหรัฐที่ทิศทางสูงขึ้นสวนทางกับระยะสั้นที่ลดลง และล่าสุด ผลตอบแทนสหรัฐระยะสั้น 3 เดือน อยู่ที่ 4.27% ต่ำกว่าผลตอบแทนระยะยาวกว่า 2 ปี, 10 ปี, 30 ปี ที่ 4.33%, 4.50%, 4.67% ตามลำดับ สะท้อน normal yield curve
ทั้งนี้ มองว่ายังมีโอกาสที่ในปี 68 ไทยอาจปรับลดดอกเบี้ย ลงได้ 1 ครั้ง (base case) เพราะเศรษฐกิจไทยมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น การปรับขึ้นภาษีนำเข้าไปสหรัฐ, ปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และการเมืองในประเทศ แต่การปรับลดดอกเบี้ยไทยอาจจะไม่เกิดขึ้นเร็วนัก ส่วนหนึ่งต้องติดตามดูผลกระทบจากนโยบาย Trump 2.0 หลัง โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.68
อย่างไรก็ตาม มองว่าก็มีโอกาสที่ดอกเบี้ยไทยอาจจะไม่ลดลงเลยได้หากเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นสูงกว่าคาดมาก และโอกาสปรับลดลง 2 ครั้ง อาจเกิดขึ้นได้หากเศรษฐกิจไทยโตต่ำคาด แต่ก็อาจต้องแลกมาด้วยเงินบาทอ่อนค่า และเงินทุนไหลออก ดังนั้น ในปี 2568 มองว่าดอกเบี้ยไทยมีแนวโน้มปรับลดลง 0-2 ครั้ง เหลือ 1.75-2.25% สิ้นปี 2568
ดังนั้น จากผลประชุมเฟดวานนี้ กลุ่มแบงก์ มีแรงกดดันลดลง และราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ (BBL, KBANK, KTB, SCB) อาจปรับขึ้นได้ หรือผันผวนน้อยกว่า SET
ขณะที่กลุ่มไมโครไฟแนนซ์ อาจมีแรงกดดันระยะสั้น หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ต่อปี ตามคาด และแนวโน้มดอกเบี้ยในปี 68 ที่อาจลดลงน้อยกว่าตลาดคาดได้
บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีถูกกดดันจากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดแต่ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจาก 4 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง และ Fund Flow ที่ไหลออก เป็น ปัจจัยกดดันต่อดัชนี