จับตาหุ้น TOP! เคลียร์คัต CFP ควักเพิ่ม 6.3 หมื่นล้าน ดันโครงการเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 71
บอร์ด TOP ไฟเขียวเพิ่มงบประมาณโครงการพลังงานสะอาด (CFP) วงเงิน 6.3 หมื่นล้านบาท ดันโครงการให้แล้วเสร็จภายในปี 71 เพื่อเพิ่มความมั่นคงพลังงาน พร้อมเตรียมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 21 ก.พ. 68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้แจ้งมติจากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 เห็นชอบให้เพิ่มเงินลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) อีก 63,028 ล้านบาท (ประมาณ 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างอีก 17,922 ล้านบาท (ประมาณ 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเร่งดำเนินการให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จตามเป้าหมาย หลังจากประสบความล่าช้าอันเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาด้านผู้รับเหมาหลักที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จากการอนุมัติในครั้งนี้ งบประมาณรวมของโครงการ CFP ปรับเป็น 241,472 ล้านบาท (ประมาณ 7,151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อสร้าง การจัดซื้ออุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าที่ปรึกษา รวมถึงดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างที่รวมอยู่ในจำนวน 37,216 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นในการอนุมัติการเพิ่มงบประมาณในโครงการ CFP ดังกล่าว
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า การเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP ครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง และประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น
หากโครงการ CFP แล้วเสร็จ จะทำให้ไทยออยล์มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 400,000 บาร์เรลต่อวัน และสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการขนาดใหญ่ ปัจจุบันดำเนินการไปแล้วกว่า 90% เมื่อโครงการสำเร็จจะสามารถตอบโจทย์การเติบโตทางกลยุทธ์ในระยะยาว ทำให้บริษัทฯเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ทำให้ไทยออยล์สามารถแข่งขันได้ และเป็นผู้นำในภูมิภาคซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง ก่อให้เกิดผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัทฯ ในระยะยาว หากโครงการเดินหน้าต่อจะทำให้ซัพพลายเชน รวมถึงบริษัทรับเหมา
สำหรับการก่อสร้างโครงการ CPF ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ให้เข้าลงทุนในโครงการ CFP โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,279 ล้านบาทและดอกเบี้้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,016 ล้านบาท โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการ CFP จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2566
โครงการพลังงานสะอาด หรือที่รู้จักกันในชื่อ CPF ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,279 ล้านบาทและดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,016 ล้านบาท โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการ CFP จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2566
แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อผลักดันให้โครงการ CFP เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการเพิ่มขึ้น และทำให้ระยะเวลาการก่อสร้างโครงการ CFP ต้องถูกขยายออกไปจากเดิมที่คาดการณ์ไว้
ด้วยเหตุดังกล่าวที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 9/2564 จึงได้พิจารณาอนุมัติการขยายกรอบวงเงินประมาณการดอกเบี้ยระหว่างก่อสร้างของโครงการ CFP จาก 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,016 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นอีก 422 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ14,278 ล้านบาท และในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2565 ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการ CFP และอนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในสัญญาแก้ไขสัญญา EPC กับผู้รับเหมาหลัก โดยเพิ่มงบประมาณของโครงการอีกประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18,165 ล้านบาท และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการไปอีก 24 เดือน ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา EPC เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการ CFP ต่อไปให้แล้วเสร็จ
อีกทั้งจากเหตุการณ์ที่ผู้รับเหมาหลักไม่ชำระเงินค่าจ้างค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงที่ผู้รับเหมาหลักจ้างให้ทำงานในการก่อสร้างโครงการ CFP จนทำให้ผู้รับเหมาช่วงหยุดงานหรือลดจำนวนคนงานลง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา EPC
สำหรับผู้รับเหมาหลักประกอบด้วย The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) แล ะ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เ ดิม ชื่อ Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) (เรียกรวมกันว่า “UJV –Samsung, Petrofac และSaipem”)
โดยบริษัทจึงมีการเตรียมความพร้อมโดยให้ที่ปรึกษาด้านเทคนิค (Technical Advisor) มาตรวจสอบและ วิเคราะห์การก่อสร้างที่เหลืออยู่ของโครงการ จากรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์ของที่ปรึกษาด้านเทคนิค เห็นว่า การที่จะก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 63,028 ล้านบาท หรือเทียบเท่า ประมาณ 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) มีความคืบหน้าดังนี้
1.หน่วยกลั่น Hydrocracking Unit , Residue Hydrocracking Unit ความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) (ร้อยละ) โดยประมาณ 72% โดยกำหนดเวลาเบื้องต้นที่คาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินเครื่องจักรในไตรมาส 2 ปี 2571
2.หน่วยกลั่น Crude Distillation Unit หน่วย High Vacuum Unit ความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction)โดยประมาณ 99% โดยกำหนดเวลาเบื้องต้นที่คาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินเครื่องจักรในไตรมาส 2 ปี 2570
3.กลุ่มหน่วยกลั่น Hydrogen Manufacturing Unit โดยความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) โดยประมาณ 96% โดยกำหนดเวลาเบื้องต้นที่คาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินเครื่องจักรในไตรมาส 3 ปี 2570
4.หน่วยปรับปรุงคุณภาพ Hydro Treating Unit โดยความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) โดยประมาณ 99% คาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินเครื่องจักรไตรมาส 2 ปี 2570 และหน่วยปรับปรุงคุณภาพ Hydrodesulfurization Unit ความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) เสร็จ 100% โดยทดลองเดินเครื่องจักรในไตรมาส 1 ปี 2567
5.กลุ่มหน่วยผลิตกำมะถัน Sulphur Complex โดยความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) โดยประมาณ 96% โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินเครื่องจักรไตรมาสที่ 2 ปี 2570
6.หน่วยผลิตพลังงาน (Energy Recovery Unit) โดยความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) โดยประมาณ 83% โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินเครื่องจักรไตรมาส 3 ปี 2571
7.ระบบท่อเชื่อมต่อต่าง ๆ (Interconnecting and Revamp) โดยความคืบหน้าการก่อสร้างในพื้นที่โครงการ (on-site construction) โดยประมาณ 95% ทยอยขึ้นเพื่อ สนับสนุนการผลิต
ส่วนราคาราคาหุ้น TOP วานนี้ (19 ธ.ค.67) ปิดอยู่ที่ระดับ 35.00 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 476.68 ล้านบาท และต้องจับตาราคาหุ้นวันนี้ว่า ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากบริษัทต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างโครงการ CFP