ชี้เป้า 13 หุ้น! รับอานิสงส์ “Easy E-Receipt” พ่วงแจกเงินหมื่นเฟส 2 เม็ดเงินสะพัดแสนล้าน!

เปิด 13 หุ้น รับอานิสงส์ “คลัง” เตรียมชงมาตรการ “Easy E-Receipt” พ่วง Digital Wallet เฟส 2 เข้า ครม. 24 ธ.ค.นี้ โบรกเน้นกลุ่มค้าปลีก-ท่องเที่ยวโรงแรม-ร้านอาหาร อาทิ CPALL, BJC, CRC ,COM7,HMPRO, GLOBAL,CPN ERW,CENTEL, MINT, SHR,MAGURO,OKJ คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 1 แสนล้านบาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์ “หุ้นค้าปลีก-ท่องเที่ยว-โรงแรม แDigital Wallet เฟส 2 ละร้านอาหาร” คาดว่าจะได้ปร Digital Wallet ะโยชน์จากประเด็น กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการบริโภคในประเทศ โครงการ อีซี่ อี-รีซีท (easy e-receipt) และมาตรการ Digital Wallet เฟส 2 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนสะพัดกว่าแสนล้านบาท โดยข้อมูลครั้งนี้รวบรวมมาจากบทวิเคราะห์ของบริษัท ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งระบุข้อมูลไว้ดังนี้

 บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(20 ธ.ค.67) ว่า Consumption Stimulus: รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการบริโภคในประเทศ โครงการ อีซี่ อี-รีซีท (easy e-receipt) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ โดยรายละเอียดโครงการจะใช้หลักเกณฑ์เดิม สามารถลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท สำหรับปีภาษี 2568 เริ่มดำเนินงาน เดือนม.ค.685 ผสานกับที่ กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม. อนุมัติมาตรการ Digital Wallet เฟส 2 พร้อมกัน

ทั้งนี้เมื่ออิงเม็ดเงินโครงการ Easy E-Receipt ที่รัฐฯประเมินผลบวกรอบก่อน ที่รัฐฯสูญเสียภาษี 1.0 หมื่นล้านบาท แต่ช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียน 7.0 หมื่นบาท ผสาน เม็ดเงิน Digital Wallet อีกราว 4.0 หมื่นล้านบาท

โดยประเมินเม็ดเงินทั้ง 2 ส่วน คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP อยู่ราว 0.5%+/- จากฝั่งการบริโภคช่วงต้นปี 2568 ในส่วนการบริโภคภาคเอกชน และบวกต่อหุ้นค้าปลีกระยะสั้นเน้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ,บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7

บริษัท ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า  กลุ่ม Commerce,Tourism และ Food & Beverage แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน(Overweight) จากประเด็นนาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการ บริโภคในประเทศ โครงการ อีซี่ อี-รีซีท (easy e-receipt) ต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้

โดยรายละเอียดโครงการจะใช้ หลักเกณฑ์เดิม สามารถลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท สำหรับปีภาษี 2568 เริ่มดำเนินงาน เดือนม.ค.2568 โครงการ Easy E-Receipt สำหรับให้ ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษี ไปจับจ่ายใช้สอยในวงเงิน 50,000 บาท กับร้านค้าที่ออกใบก ากับภาษี/ใบรับ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt โดยสามารถนำใบกำกับภาษีดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นอกจากนี้โครงการอีซี่ อี- รีซีท ยังจูงใจร้านค้าในระบบ ภาษีเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ กรมสรรพากร ที่เมื่อใครก็ตามใช้จ่ายระบบจะเก็บข้อมูลแส่งกรมสรรพากร ทันที ไม่ต้องมาเก็บเอกสาร ใบเสร็จ ใบกำกับภาษีเอง

โดยค่าซื้อสินค้าหรือ ค่าบริการที่ไม่ร่วมมาตรการ Easy E-Receipt มีดังนี้ 1) ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์, 2) ค่าซื้อยาสูบ, 3) ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ, 4) ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ, 5) ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต และค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการ ให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2568 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ก็ตาม ,6) ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไป ตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

สำหรับ DAOL มองว่ากลุ่ม Commerce (กลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกซ์, IT และ ห้างสรรพสินค้าจะได้ผลบวกมากสุด) มองบวกต่อโครงการ Easy eReceipt ที่จะช่วยหนุนให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ประเมินว่ากลุ่มค้าปลีกที่มี basket size ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม Home improvement (บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO,

บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL) และผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกซ์ IT (บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7) จะได้ผลบวกมากสุด และห้างสรรพสินค้า (บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN) จาก traffic ที่สูงขึ้น จากระยะเวลาโครงการที่ไม่นาน บนสมมติฐานระยะเวลาโครงการเหมือนกับในปี 2567 ที่ผ่านมาที่ให้สามารถใช้จ่ายได้ไม่ได้นานมากรวมทั้งสิ้นที่ 46 วัน ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.2567 แต่มีการให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีในปี 2567 ที่สูงขึ้นเป็น 50,000 บาท (ปี 2567 =50,000 บาท, ปี 2566 = 40,000 บาท, ปี 2565= 30,000 บาท)

ด้านกลุ่มท่องเที่ยว (Tourism) อาทิ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน หรือ ERW, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT,บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR และร้านอาหาร (บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO,บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ได้ผลบวกจากค่าที่พักโรงแรมสามารถนำมาหักภาษีได้ และคาดเห็นมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการมากขึ้น

ส่วน CENTEL และ MINTจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากร้านอาหารที่เข้าร่วม โครงการ และกลุ่มร้านอาหาร MAGURO และ OKJ ได้ผลบวกจากโอกาสมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าว โดยหุ้น Top picks จากประเด็นข้างต้น คือ HMPRO แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย13.00 บาท, CRC แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 45.00 บาท, CPN แนะนำซื้อ 72.00 บาท, CENTEL แนะซื้อ 44.00 บาท, และ MAGURO แนะนำซื้อ 26.00 บาท

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า พิจารณามาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย “Easy E-receipt” ในการซื้อสินค้าและบริการเพื่อใช้ลดหย่อนผ่านภาษี โดยจะให้สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในช่วงกลางเดือน ม.ค. ถึงสิ้นเดือน ก.พ. 68 และคาดว่ามาตรการนี้จะส่งผลให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ราว 10,000 ล้านบาท แต่จะช่วยทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 70,000 ล้านบาท

สำหรับเงื่อนไขของมาตรการ แบ่งเป็น

-วงเงิน 3 หมื่นบาทแรกจะสามารถใช้ได้กับสินค้าและบริการเหมือนกับปีก่อน โดยจะมีเพิ่มเติมคือสามารถใช้ได้กับค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เช่น ค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว ค่าโรงแรม ค่าร้านอาหาร เป็นต้น

-วงเงิน 2 หมื่นบาทที่เหลือจะสามารถใช้ได้กับสินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชน และOTOP เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในกลุ่มเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุนชน สนับสนุนให้เกิดการเติบโตอย่างเข้มแข็ง

ทั้งนี้ ร้านค้า และวิสาหกิจชุมชนที่จะเข้าร่วมโครงการ จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และจดทะเบียนในระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น ดังนั้นจึงอยากรณรงค์ให้ร้านค้าเข้าสู่กลไกของภาครัฐ เพื่ออนาคตในการดำเนินการด้านภาษีที่ง่ายและสะดวกมากขึ้นทั้งผู้ใช้บริการ และผู้เก็บภาษี

“ประชาชนสามารถใช้จ่ายผ่านมาตรการ Easy E-receipt ได้ โดยหากจะใช้กับวิสาหกิจชุมชน หรือ OTOP ทั้ง 5 หมื่นบาทเลยก็ทำได้ แต่ต้องเป็นระบบ e-Tax Invoice ทั้งหมด ซึ่งหากประชาชนใช้สิทธิ์เต็มตามวงเงินที่กำหนด 5 หมื่นบาท จะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่ 1 หมื่นบาท ซึ่งปีที่ผ่านมาโครงการนี้ก็ได้สนับสนุนให้มีผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบมากขึ้นกว่า 20% ส่วนปีนี้ก็เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้นด้วย”

โดยสินค้าและบริการที่ยกเว้น ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษี ตามมาตรการ Easy E-Receipt ได้

-ประเภทสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ

-น้ำมัน/ก๊าซ

-ค่าบริการประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ

-ค่าซื้อจักรยานยนต์และรถยนต์ เรือ

-ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า-น้ำประปา

-ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเตอร์เน็ต

-ค่าเบี้ยประกัน

Back to top button