CGSI มองกรอบดัชนี 1,390-1,410 จุด จับตา “Window Dressing-กองทุน Thai ESG” โค้งท้ายปี
CGSI กรอบ SET วันนี้ 1,390-1,410 จุด แนะจับตา Window dressing และการลงทุนของ Thai ESG ช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมชู 2 หุ้นเด่น MINT-SPALI
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (26 ธ.ค.67) คาดการณ์ว่าตลาดน่าจะ Sideway ในกรอบ 1,390-1,410 จุด หลังดัชนี SET ปิดแตะระดับ 1,400 จุด เมื่อวานนี้ ตัวเลขส่งออกไทยเดือน พ.ย. ที่ออกมาต่ำกว่าคาด (8.2% vs 9.0%) ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในกรอบจำกัด ขณะที่ตลาดยังรอปัจจัยใหม่มาหนุน จับตา Window dressing และการลงทุนของ Thai ESG ช่วงโค้งสุดท้าย
โดยเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทยเดือนพ.ย. ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยตัวเลขส่งออกขยายตัว 8.2% จากปีก่อน ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ +9% (vs. เดือนต.ค. +14.6%) ตัวเลขนำเข้าขยายตัว 0.9% จากปีก่อน ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.3% (vs. เดือนต.ค. +15.9%) และขาดดุลการค้า 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขาดดุล 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (vs. เดือนต.ค. ขาดดุล 794 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ปัจจัยหนุนสำคัญที่มีผลต่อการส่งออกในเดือนพ.ย. มาจากสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และ ส่วนประกอบที่เติบโตในระดับสูง นอกจากนี้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มการส่งออกไทยในปี 68 ผู้อำนวยการ สนค. คาดว่าจะขยายตัวที่ 2-3% ภายใต้ปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามา ซึ่งรวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ แนวโน้มการค้าโลกที่อาจชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังไม่คลี่คลาย อัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับสูงตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
บอร์ดคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีมติ 1) ชะลอโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เฟส 2 ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2022-30 ปริมาณ 3,668.5 MW เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง 2) ขยายมาตรการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนส่วนเพิ่มไม่เกิน 2 ปี (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2026) ในรูปแบบสัญญา Non-Firm 3) ขยายเวลามาตรการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเทินหินบุนเพิ่มเติมระยะสั้น 1 ปี จำนวน 20 MW ตั้งแต่ ม.ค.-ธ.ค. 2025 และ 4) ขยายอายุการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมน้ำพอง ชุดที่ 1 และ 2 ระยะเวลา 1 ปี (ม.ค.-ธ.ค. 2025)
ด้านหุ้นแนะนำ ได้แก่
MINT : เชื่อว่าราคาหุ้นที่ underperform น่าจะเป็นเพราะตลาดรับรู้ว่าผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” MINT เพราะเชื่อว่าผลกำไรที่เติบโตรายไตรมาสและสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งทั้งของยุโรปและไทยน่าจะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น (Take profit : 28.00 / Stop loss : 25.50)
SPALI : คาดการณ์ว่าไตรมาส 4/67 จะเป็นไตรมาสที่ SPALI มียอดโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดในปี 67 ซึ่งจะมาจาก backlog จำนวน 7.92 พันล้านบาท, การขายพื้นที่อาคารสำนักงานในโครงการ Icon Sathorn มูลค่า 200 ล้านบาท รวมทั้งผลดีจากมาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนองที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.67 ทั้งนี้ backlog ณ สิ้นไตรมาส 3/67 สามารถประกันยอดโอน 93.2% ของประมาณการในปี 67 ที่ 3.22 หมื่นล้านบาท (Take profit : 19.6 / Stop loss : 17.8)