“กรภัทร” แนะเก็บหุ้นส่งท้ายปี! ธีม China Play-ปันผลสูง ชู MALEE-AOT-ADVANC ท็อปพิก
“กรภัทร” แนะลงทุนช่วงที่เหลือของปีนี้ เน้นธีม China Play-ปันผลสูง ชู MALEE-AOT-ADVANC ท็อปพิก ส่วนกลยุทธ์สะสมหุ้นลงทุนข้ามปี “ระยะกลาง-ยาว” เน้นกลุ่มค้าปลีก HMPRO-CPALL พ่วงแบงก์ยีดล์สูง-ลุ้นสินเชื่อโตดีจากการลงทุนภาครัฐ-เอกชนแนะ KBANK และ KTB ส่วนกลุ่มไฟฟ้าแนะตั้งรับ GULF-GPSC มองระยะยาวได้ประโยชน์ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์
นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (26 ธ.ค. 67) ว่า มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยและกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้นที่เหลือ 2-3 วันทำการปีนี้จะเห็นว่ามีแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมีซื้อบ้างขายบ้างแต่คาดแรงขายลดลง ดังนั้นภาพรวมตลาดในช่วง 2-3 วันสุดท้ายน่าจะได้แรงส่งจากนักลงทุนในประเทศที่มีโอกาสทำ Window Dressing
โดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังต่ำกว่าระดับดัชนีในสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 1,415 จุด โดยตอนนี้ดัชนีต่ำกว่า 15 จุดดังนั้นมองว่า SET จะพยายามปิดปรับตัวให้สูงกว่าดัชนีสิ้นปีก่อน ดังนั้นระยะสั้นเป็นจังหวะที่สามารถเก็งกำไรได้ โดยให้แนวต้านงสำคัญวันนี้อยู่ที่ 1,410 จุด หากสามารถผ่านได้คาดเป็นโมเมนตัมที่ดี และมีมีโอกาสจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 1,412 ส่วนแนวรับวันนี้อยู่ที่ระดับ 1,395 จุด
ดังนั้นกลยุทธ์ในระยะสั้นจะเป็นธีมหุ้นได้ประโยชน์นักท่องเที่ยวจีน และได้ประโยชน์ดีมานด์จีน โดยเฉพาะตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.67ออกมาโตดี 8% และยอดส่งออกน้ำมะพร้าวไปจีนมีการขยายตัวดี แนะนำหุ้นบริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE และตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเร่งเข้าไทยมากขึ้นแนะนำบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น
อีกธีมลงทุนในช่วงปลายปีและมกราคมคือหุ้นปันผลสูง โดยจะเห็นว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปันผลยีลด์สูงมากกว่า 4% แนะนำกลุ่มแบงก์ และกลุ่ม ICT แนะนำบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC แนะนำหุ้นท็อปพิกวันนี้ระยะสั้น
ส่วนการลงทุนข้ามปีและระยะกลางในไตรมาส 1/68 และไตรมาส 2/68 มีโอกาสที่จะตัดระดับขึ้นมาต่อเนื่องจากการส่งโมเมนตัมเศรษฐกิจ แนะนำนักลงทุนใช้โซนดัชนีอยู่ระดับต่ำกว่า 1,420 จุด จนไปถึง 1,380 จุด เป็นโซนในการซื้อเพื่อลงทุนเนื่องจากแวลูเอชั่นถูก เพราะถ้าดูภายใต้ตัวเลขพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่ลดลงมาเรื่อย ๆ และตลาดมีการปรับฐานลงมา เนื่องจากอยู่ในสหรัฐในการปรับตัวขึ้นมาทำให้ “Earning Yield ของตลาดหุ้นไทยมีส่วนต่างจากพันธบัตร 10 ปี
ดังนั้นกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาวแนะนำกลุ่มค้าปลีกแนะนำบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ,บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ซึ่งได้รับผลกระทบจาก CPAXT ก่อนหน้านี้ และกลุ่มแบงก์ปีหน้ามีโอกาส Outperform และมีโครงสร้างกลุ่มหุ้นแบงก์แข็งแกร่งกว่าตลาด เนื่องจากทิศทางสินเชื่อดีขึ้นเนื่องจากการลงทุนจากภาครัฐ-เอกชนที่มีมากขึ้น ตรงนี้จะทำให้กลุ่มแบงก์ที่ราคาถูกมีโอกาสปรับตัวขึ้น และยีลด์กลุ่มแบงก์สูงแนะนำธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
ส่วนกลุ่มภาคบริการแนะนำ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC และกลุ่มหุ้นธีม China Play แนะนำบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL สวนกระแสธีมภาคบริการที่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ จาก “Entertainment Complex” แนะนำบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นธีมการลงทุนกลาง-ยาวและข้ามปี
ด้านกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีประเด็น “บอร์ด กพช.” มีมติชะลอซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ขยายซื้อไฟจากพลังงานทดแทน แนะนำตั้งรับหุ้นบิ๊กแคปที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจำกัด แนะนำบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ตั้งรับที่ระดับ 58-59 บาท และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แนวรับ 38 บาทบวกลบ เพราะโดยภาพรวมระยาวโอกาสเติบโต และได้ประโยชน์จากการลงทุนดาต้าเซ็นเซอร์ และคาดว่าดีมานด์การใช้ไฟในอนาคตจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นคาดนักลงทุนจะมองแนวโน้มรายได้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเป็นจุดสำคัญมากกว่า