คลัง เผย เศรษฐกิจไทย พ.ย.67 โตตาม “ท่องเที่ยว-ส่งออก” จับตาผลปัญหาน้ำท่วม-ภาคการผลิต
สศค. กระทรวงการคลัง เผย เศรษฐกิจไทย พ.ย.67 เติบโตตาม “ท่องเที่ยว-ส่งออก” จับตาผลกระทบปัญหาน้ำท่วม-ภาคการผลิตอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ธ.ค.67) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ย.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ อย่างไรก็ตามการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว
สศค. ระบุว่า ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจ ด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน เเต่การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือน พ.ย.67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.6% สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือน พ.ย.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 56.0 ในเดือนก่อน
เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือน พ.ย.67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8.0% อย่างไรก็ดี การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว สะท้อนจากปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือน พ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -30.1% และ -4.5% ตามลำดับ และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -0.9% และ -0.1% ตามลำดับ
ด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือน พ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -5.1% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -6.4% ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือน พ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -20.7% และลดลงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -5.6%
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือน พ.ย.67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.2% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือน พ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -0.6% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -4.5%
มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน พ.ย.67 อยู่ที่ 25,608.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8.2% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 7.0% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ โดยขยายตัวร้อยละ 40.8 35.8 และ 16.7 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง อาหารสัตว์เลี้ยง และยางพารา ขยายตัว 44.8%, 18.1% และ 14.1% ตามลำดับ อย่างไรก็ดีการส่งออกน้ำตาลทราย ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินเดีย, อินโดจีน, จีน และสหรัฐฯ และขยายตัว 31.6, 21.0, 16.9 และ 9.5 ตามลำดับ อย่างไรก็ดีตลาดญี่ปุ่น และฮ่องกง หดตัว -3.7% และ -9.9% ตามลำดับ
ด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือน พ.ย.67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 3.15 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19.5% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.1% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน, มาเลเซีย, อินเดีย, เกาหลีใต้ และรัสเซีย ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือน พ.ย.67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.3% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.5% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ลดลงจากเดือนก่อน
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือน พ.ย.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.6% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.3% ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือน พ.ย.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.4 จากระดับ 89.1 ในเดือนก่อนหน้า
โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1.ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี 2.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และ 3.ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือน พ.ย.67 อยู่ที่ 0.95% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.80% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ต.ค.67 อยู่ที่ 64.0% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน พ.ย.67 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 237.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ