เริ่มวันแรก! สถิติ “10 วันอันตราย” ปีใหม่ 2568 เสียชีวิต 52 ราย
ศปถ. เปิดสถิติ “10 วันอันตราย” ช่วงปีใหม่ 2568 วันแรก เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง เสียชีวิต 52 ราย “นครศรีธรรมราช” ขึ้นนำ ย้ำเน้นดูแลจุดเสี่ยง-บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด เตือนหลายพื้นที่ภาคใต้ฝนตกหนักพื้นถนนเปียกลื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ธ.ค.67) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน “10 วันอันตราย” ซึ่งรัฐบาลกำหนด ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.67 จนถึงวันที่ 5 ม.ค.68
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 27 ธ.ค.67 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิต 52 ราย
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด อันดับหนึ่งได้แก่ ขับรถเร็ว 39.44% รองลงมา คือ ตัดหน้ากระชั้นชิด 20.50% และดื่มแล้วขับ 15.84%
สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 85.16% รถกระบะ 6.53% รถยนต์ส่วนบุคคล 2.67% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่อุบัติเหตุเกิดบนถนนกรมทางหลวง 47.83% รองลงมาคือ ถนนในอบต. หรือหมู่บ้าน 27.95% และเป็นเส้นทางตรง 9.01% ขณะที่ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16:01 – 17:00 น.
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช จำนวน 17 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ และนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 4 ราย ขณะที่จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 17 ครั้ง
นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ศปถ. กล่าวว่า ปีนี้ ศปถ.ได้บูรณาการจังหวัดและหน่วยงานภาคีเครือข่าย สร้างความปลอดภัยทางถนนในลักษณะยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (Area Approach) เน้นการวางแผนแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์อุบัติเหตุ โดยเฉพาะการดูแลจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ศปถ.ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในการสัญจรผ่านเส้นทางที่มีฝนตก เนื่องจากในระยะนี้บางพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จ.ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และยะลา ซึ่งสภาพถนนมีความเปียกลื่น เพื่อลดปัจจัยเลี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด พร้อมฝากให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และมีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง