คัด 7 หุ้นตัวท็อป รับอานิสงส์ “คลัง” กางแผนดันไทยสู่ “ศูนย์กลางการเงินโลก”
บล.กรุงศรี แนะลงทุน 7 หุ้นเด่น SCB-KBANK-BBL-KTB-GULF-ADVANC-INSET เตรียมรับประโยชน์กระทรวงการคลังผลักดัน พ.ร.บ. ใหม่ เพื่อพัฒนาไทยสู่ศูนย์กลางการเงินโลก กระตุ้นเศรษฐกิจ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี กระทรวงการคลัง เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. (ร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางทางการเงิน) ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 67 ไปจนถึง 9 ม.ค.68 เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ปี 62
โดยเน้นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อวางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต อีกทั้ง เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็น ศูนย์กลางทางการเงินของโลก โดยมอบสิทธิประโยชน์การกำกับดูแลที่เหมาะสมและพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงิน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับความต้องการของธุรกิจระดับโลก
จากข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่าถือเป็นการสนับสนุนแผนการผลักดันไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Financial Hub ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์จะสร้างประโยชน์เพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินและอื่นๆ ที่จะก่อให้เกิดการลงทุนและการจ้างงาน ผลักดันให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
รวมไปถึง กลุ่มสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลสำหรับสถาบันการเงิน อาทิ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
ขณะที่ จากปัจจัยดังกล่าวยังสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของหุ้นที่กล่าวมาข้างต้น โดย บล.กรุงศรี ยังระบุในบทวิเคราะห์ถึง SCB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 135 บาท ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าสัญญาณธุรกิจภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ของ Gen 2 มาตลอดในช่วงที่ผ่านมาที่มีพัฒนาการดีขึ้น ซึ่งคาดการณ์ช่วยชดเชยผลกระทบที่ยังปล่อยสินเชื่อระมัดระวัง รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยของ ธนาคารแห่งประเทศไทย BOT ผสานการผ่านช่วงรับรู้ผลกระทบหนี้ที่มีปัญหา รวมถึงผลขาดทุนการขาย Robinhood ไปแล้ว และคาดการณ์ปี 68 กลับมาเติบโต 12.6%
อีกทั้ง ได้รับปัจจัยจิตวิทยาบวก หลังกระทรวงการคลังเปิดรับฟัง ร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางทางการเงิน โดย SCB ที่มีความพร้อมรับโอกาสจากการปรับโครงสร้างไว้แล้ว ผสาน SCB น่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นเป้าหมาย เม็ดเงินลงทุนระยะยาวภายในช่วงปลายปีที่มีภาพเม็ดเงินเร่งขึ้นในฐานะหุ้น Yield เด่น คาด Div Yield ปี 68 สูงเกิน 8.0%
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง BBL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 169 บาท คาดการณ์กำไรปี 67 เติบโต 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 68 เติบโต 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทั้งปีนี้ BBL จะมีกำไรรวม 45 พันลบ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี และรายได้ค่าธรรมเนียม รวมไปถึงกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งปี 68 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตได้มากกว่าปี 67 จากการลงทุนใหม่ ๆ ของภาครัฐและเอกชน ทำให้คาดว่า BBL จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอีก 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 47 พันลบ. จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองปรับลดลงได้ จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ถึง KTB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท มองว่าได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับลงช้ากว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ และมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ Investment cycle ของภาครัฐและเอกชนในปี 68 พร้อมคงประมาณการสำหรับปี 67-69 โตเฉลี่ย 3.2%
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ถึง GULF แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75 บาท คาดการณ์ว่ากําไรสุทธิจะเติบโต 19% ในปี 67 ส่วนปี 68 อยู่ที่ 13%, และ ปี 69 อยู่ที่ 11% โดยได้รับแรงหนุนหลักจากโครงการพลังงานใหม่ๆ อัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลักๆจาก INTUCH และอื่นๆ
อีกทั้ง ยังมีแรงหนุนจากกระแสลงทุน ช่วงปลายปีเป็นบวก อาทิ ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง US Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯเริ่มอ่อนลง เงินบาทเคลื่อนไหวในทางแข็ง หุ้นเป้าหมายเม็ดเงินลงทุนระยะยาวภาย ในช่วงปลายปีที่ และภาพบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ Infra Tech ไทยในระยะกลางถึงยาว
ส่วน บล.หยวนต้า ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง INSET คาดการณ์ว่ากำไรไตรมาส 4/67 อาจไม่เติบโตมากจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทมีโอกาสเซ็นสัญญารับงาน Data Center จำนวนมาก ตั้งแต่ต้นปี 68 ต่อเนื่องหลายงานจากรอบการสร้าง Data Center รอบใหญ่ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นแล้ว นอกจากนี้ คาดการณ์ว่ากำไรปกติจะเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ครึ่งหลัง ปี 68 และจะมีทิศทางเติบโตมากในปี 69 ตามรอบอุตสาหกรรม โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 68 อยู่ที่ 5.18 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง ADVANC คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรหลักอยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สนับสนุนจากการราคาแพ็กเกจส่วนใหญ่ที่สูงขึ้น อาทิ มือถือและ FBB, ประสิทธิภาพด้านต้นทุน, การรับรู้รายได้เต็มปีจาก TTTBB ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 66 พร้อมประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 310.00 บาท จากเดิม 293.00 บาท