ลุ้นหุ้นไทยฟื้นปี 68 โบรกชู “แบงก์-ค้าปลีก-สื่อสาร” เด่น รับรัฐฯกระตุ้นเศรษฐกิจ

4 โบรกชี้ SET ปี 68 ลุ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด แนะลงทุนกลุ่ม “ธนาคาร-ค้าปลีก-สื่อสาร” เด่นสุด อานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ พ่วงลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (2 ธ.ค. 67) สำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์จาก 4 บริษัทหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประเมินทิศทางภาพรวมของตลาดหุ้นไทยใน ปี 68 พร้อมกับการแนะนำกลยุทธ์การลงทุน ไว้ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยปี 2568 มีโอกาสฟื้นตัว โดยจะได้รับแรงสนับสนุนจากกำไรที่เติบโตเพิ่มขึ้น จากการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชน โดยคาดกำไรจะเติบโต 22% ขณะที่ดัชนีประเมินว่าจะปรับขึ้นไปบริเวณ 1,550 – 1,600 จุด หรือมีอัพไซด์ราว 7-10%

นอกจากนี้ ยังมีอัพไซด์จากปัจจัยภายนอก อาทิ การใช้นโยบายการค้าและภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามอย่างเสถียรภาพทางการเมือง อาจเป็นความเสี่ยงที่มีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

สำหรับธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย Value Stock หุ้นมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานปลอดภัยและมีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้น อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL

รวมถึง Dividend Stock หุ้นปันผลสูงเพื่อสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุน ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้น อาทิ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล หรือ LHHOTEL

นอกจากนี้ ยังมีหุ้น Laggard Stock ที่ราคาปรับขึ้นช้า แต่ผลประกอบการปีหน้าเริ่มส่งสัญญาณบวก แนะนำ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO

สุดท้ายหุ้น Mid-Small Cap Growth ที่กำไรจะเติบโตดีและมีอัพไซด์ โดยแนะนำ อาทิ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU, บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ให้เป้าหมายดัชนีปี 2568 อยู่ที่ 1,660 จุด ภายใต้แรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยที่จะเติบโตต่อเนื่องอีก 3% พร้อมปัจจัยการมีอัพไซด์เพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากจากภาครัฐ และแรงบวกสำคัญจากการเข้าสู่รอบลงทุนใหม่ของไทยจากการลงทุนของรัฐบาลและเอกชน

ดังนั้น จึงประเมินปี 2568 ตลาดหุ้นไทยจะมีปัจจัยภายในประเทศเป็นภูมิคุ้มกันความผันผวน และเป็นจุดตั้งต้นของวงจรการเติบโตครั้งใหม่ สำหรับหุ้นที่ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้น อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS, CPALL, HMPRO, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE

 

นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้นขนาดเล็ก ได้แก่ INSET, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุฝ่ายบทวิเคราะห์ให้มุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2568 โดยปัจจัยหลักผลักดันการเติบโตอย่างการปลดล็อกนโยบายการคลัง, การท่องเที่ยวที่ยังคงแข็งแกร่ง, การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งกลายเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนและเพิ่มฐานการส่งออก, การผ่อนคลายเงื่อนไขทางการเงินที่เข้มงวดอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนของรัฐบาล และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและการชะลอตัวของจีนที่ไม่รุนแรง จะช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทย และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหมายถึงเงินบาทที่อ่อนค่า จะเป็นผลบวกจากการท่องเที่ยว การส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จึงคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2568 ที่ 1,580 จุด และหุ้นเด่นประกอบไปด้วย AMATA, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, CPALL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA และ TRUE

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด คงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2568 ที่ 1,630 จุด โดยคาด EPS ของตลาดหุ้นไทยจะเติบโต 3% ในปี 2567 และโต 11% ในปี 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้ามาช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

ทั้งนี้ ธีมหุ้นการลงทุนในปีหน้ามี 6 ธีม ได้แก่ ธีมหุ้น ESG จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นจากกองทุน Thai ESG (TESG), ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่ากลุ่มค้าปลีก ธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค, สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และกลุ่ม Home improvement คาดการณ์จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้, ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก FDI, ธีมหุ้นสถานบันเทิงครบวงจร, ธีมหุ้นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และธีมหุ้น Value play มีหุ้นเด่น คือ AMATA, BCH, CBG, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, MTC และบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB

Back to top button