“พาณิชย์-ก.ล.ต.-ตลท.” จับมือหนุน “บมจ.” ส่งรายงานประจำปี รูปแบบ e-One Report

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จับมือ “ก.ล.ต.-ตลท.” สนับสนุน “บริษัทมหาชนจำกัด” ส่งรายงานประจำปี รูปแบบ “e-One Report” สะดวก-ช่วยลดค่าใช้จ่าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.68) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการหารือกับ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและโครงการกลยุทธ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่องรูปแบบการนำส่ง รายงานประจำปี (56-1 one report)

ที่บริษัทมหาชนจำกัดในตลาดหลักทรัพย์ ต้องนำส่งให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ก.ล.ต. และ ตลท. เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-One Report เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ภาคธุรกิจ ทั้งกระบวนการทางกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และระบบการจัดเก็บเอกสารของทั้ง 3 หน่วยงาน

เบื้องต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ก.ล.ต. และ ตลท. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และเข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนเสนอรูปแบบการนำส่งรายงานประจำปี ในรูปแบบไฟล์ e-One Report ให้ทั้ง 3 หน่วยงานร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนการทำงานของภาคธุรกิจและของทั้ง 3 หน่วยงานอีกด้วย

การหารือครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ก.ล.ต. และ ตลท. จะได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการติดต่อทำธุรกรรม และเข้าถึงการบริการของภาครัฐที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดต้นทุนทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ ส่งเสริมการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาสภาพแวดล้อมให้ง่ายต่อการประกอบธุรกิจ พร้อมร่วมขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่การเป็นองค์กรเพื่อความยั่งยืน สอดรับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นรัฐบาลดิจิทัล

นางอรมน กล่าวทิ้งท้ายว่า แบบ 56-1 One Report คือ รายงานประจำปี ที่ ก.ล.ต. กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องนำส่งต่อ ก.ล.ต. ภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี โดยประกอบด้วยข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจภาพรวมและทิศทางการดำเนินธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องลักษณะการดำเนินธุรกิจ การวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาส ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน ซึ่งครอบคลุมถึงข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) ของบริษัท สะท้อนถึงการทำธุรกิจบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ เพื่อความสามารถในการเติบโตในระยะยาว

Back to top button