“บล.ทิสโก้” แนะลงทุน 3 ธีม! ปันผลเด่น-พื้นฐานดี ลุ้นกำไรไตรมาส 4/67 สดใส

“บล.ทิสโก้” แนะกระจายลงทุน 3 ธีม! ปันผลเด่น-พื้นฐานดี ลุ้นกำไรไตรมาส 4/67 สดใส พร้อมชี้ปี 68 หุ้นไทยจ่อเจอปัจจัยกดดันเพียบ ทั้ง “นโยบายทรัมป์” ขณะ “การเมืองในประเทศ” ส่อแววร้อนแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.68) นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุน เพราะสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ และคริปโตฯ ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยโลกขาลงและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยให้ผลตอบแทนแย่กว่าหุ้นโลก 2 ปีซ้อน และเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 2 ปีติดต่อกัน สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยมีผลงานย่ำแย่ต่อเนื่อง นอกจากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนไม่เติบโตแล้ว ยังมีหลายกรณีของหุ้นรายตัวที่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศที่วุ่นวาย จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี

สำหรับปี 2568 บล.ทิสโก้ มองว่า ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน โดยเฉพาะนโยบายนายโดนัล ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะยาว ทำให้วัฎจักรดอกเบี้ยโลกขาลงอาจจบรอบเร็วกว่าคาด  จากการประเมินของบล.ทิสโก้ หากทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีตามที่หาเสียงไว้ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นได้ถึง 1.2%

นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ มองประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่า จะเติบโตราว 3% มีความเสี่ยงจากประเด็นการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยความท้าทายที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด จากการประเมินเบื้องต้นอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยราว 0.3-1.1% ขึ้นอยู่กับว่าระดับความรุนแรงของสงครามการค้าจากสหรัฐฯ ทั้งอัตราการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าและจะถูกขยายวงกว้างไปยังประเทศอื่น ๆ ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด

ด้านกำไรต่อหุ้นของตลาด (SET EPS) ปี 2568 ที่คาดเติบโตราว 11-12% ยังมีความไม่แน่นอนสูง เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คาดการณ์ SET EPS มักจะถูกปรับลงจากช่วงต้นปีเสมอ ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทจดทะเบียนมักมีการด้อยค่าสินทรัพย์และ/หรือค่าใช้จ่ายพิเศษในระหว่างปีจากความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าเงินบาท ซึ่งในปี 2568 ความคาดเดาได้ยากของทรัมป์จะเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ทั่วโลก

สำหรับปัจจัยการเมืองปีนี้ส่อแววร้อนแรงขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีคำร้องที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่หลายกรณีทั้งที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ และนายกรัฐมนตรีแพทองธาร นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองจากประเด็นต่าง ๆ ที่อาจถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง เช่น ปัญหา MOU 44, การนิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น บล.ทิสโก้ มองปัจจัยการเมืองจะมีน้ำหนักกดดันตลาดมากขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/2568 เป็นต้นไป เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบต่าง ๆ คาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ผสานกับปีนี้จะเป็นปีแรกที่เงินกองทุน LTF รวมทั้งสิ้น 2.30 แสนล้านบาทสามารถขายได้ครบทุกกอง (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2567) อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดในต้นปีนี้ เพราะโดยปกติเงินกองทุน LTF มักถูกขายคืนในช่วงต้นปีมากที่สุด  ท่ามกลางความไม่แน่นอนรอบด้าน บล.ทิสโก้ มองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ต้องเน้นความปลอดภัยสามารถต้านแรงเสียดทานจากปัจจัยภายในและภายนอกได้ เน้นกระจายการลงทุนใน 3 ธีม ดังนี้

1.หุ้นเชิงรับคุณภาพดี แนะนำ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) (BDMS) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM)

2.หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ดีต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 แนะนำ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (SPA) และ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO)

และ 3.หุ้นปันผลเด่นเน้นที่อยู่ใน SETHD Index แนะนำ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC), บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) และ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TTB)

ดังนั้น หุ้นเด่นที่ บล.ทิสโก้ แนะนำในเดือน ม.ค.68 คือ ADVANC, BDMS, BEM, SIRI, SPA, TASCO และ TTB  ด้านแนวรับสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,380-1,360 จุด  และแนวต้านสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,420 -1,440 จุด  หากผ่านไปได้ทดสอบแนวต้านถัดไป 1,450 จุด ตามลำดับ

Back to top button