“ดีเอสไอ” แย้มรู้เบาะแส “หมอบุญ” แล้ว! มูลค่าเสียหายพุ่ง 1.2 หมื่นล้าน

“ดีเอสไอ” แย้มรู้เบาะแส “หมอบุญ” แล้ว เตรียมส่งฟ้องคดีต่ออัยการ ปลายเดือน ม.ค.นี้ ระบุความเสียหายพุ่ง 1.2 หมื่นล้านบาท เร่งล่า 2 โบรกเกอร์สาว


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (3 ม.ค.68) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) ประชุมนัดแรก ร่วมกับตำรวจนครบาล 1 กรณีนายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวก ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำความผิดตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

หลังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.1) ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นพ.บุญ กับพวก ให้กับดีเอสไอ เมื่อวันที่ 22 พ.ย.67 ที่ผ่านมา โดยดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษที่ 136/2567

ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชุมร่วมกับ พลตำรวจตรีอัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และคณะ เกี่ยวกับคดี นพ.บุญ วนาสิน กับพวก เพื่อรับฟังสรุปผลการดำเนินการที่ผ่านมา และร่วมกันกำหนดแนวทางการประสานความร่วมมือในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อให้เกิดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

คดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 495 ราย มูลค่าความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นมากกว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งอธิบดีดีเอสไอ ได้กำชับและเร่งรัดการดำเนินการ เนื่องจากจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการแล้ว 13 ราย หลบหนี 3 ราย โดยมีกรอบระยะเวลา 20 วัน ที่จะสรุปและมีความเห็นทางคดีส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ ภายในเดือน ม.ค.68

รองอธิบดีดีเอสไอ ยืนยันว่า ขณะนี้พอทราบเบาะแสแล้วว่า นพ.บุญ หลบหนีอยู่ที่ใด แต่ต้องขอเก็บไว้เป็นความลับในสำนวน เนื่องจากมีผลต่อรูปคดี ส่วนจะสามารถติดตามตัว นพ.บุญ และโบรกเกอร์อีก 2 คน ที่หลบหนีได้ทันส่งสำนวนให้อัยการหรือไม่ก็ขอให้ติดตามการทำหน้าที่ของดีเอสไอ ที่ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้ประสานตำรวจสากลเรื่องหมายแดงไว้แล้ว

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตาม เรามีเบาะแสแล้ว แต่ขอสงวนไว้ เพราะมีผลต่อรูปคดี ส่วนอีก 13 รายเราก็รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์การกระทำผิดให้ได้มากที่สุด ด้วยความรวดเร็ว”

ขณะเดียวกันทางดีเอสไอ จะใช้ความเชี่ยวชาญในการติดตามทรัพย์สิน เช่น หุ้นตลาดหลักทรัพย์, รถยนต์, ที่ดิน รวมทั้งกองทุนต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุดด้วย

Back to top button