จับตากลุ่มแบงก์ Q4 กำไรจ่อสวย ชู KTB โดดเด่นฟัน 1 หมื่นล้านบาท
กลุ่มธนาคารฯ งวดไตรมาส 4/67 คาดรับกำไรรวม 4.3 หมื่นล้านบาท ยก KTB โดดเด่นสุดในกลุ่มฯ ยกซด 1.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากการกลับมาตั้งสำรองปกติ คุมหนี้เสียได้ดีอยู่ที่ 3.15% ส่วนปี 68 คาดกรุงไทยกำไรโตต่อเนื่อง รับ 4.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ด้าน “เกียรตินาคินภัทร” กำไรเด่นในกลุ่มแบงก์เล็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้า (13-17 ม.ค.68) หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเริ่มแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2567 โดยบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO จะเป็นหุ้นแรกที่เริ่มรายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดกำไรสุทธิ “กลุ่มธนาคาร” ไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 จากต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) ปรับลดลง แต่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) กลับอ่อนตัวลงด้วย
อย่างไรก็ดี กำไรงวดดังกล่าว หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จะลดลง 22% เนื่องจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารที่คาดจะรายงานกำไรเติบโตโดดเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นำโดย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
“คุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารในปี 2567 จะค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงสิ้นไตรมาส 3/2567 แนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารจะทยอยฟื้นตัวในปี 2568 จากแนวโน้มเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว”
ด้านปัจจัยพื้นฐาน คาดหุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่จะประกาศจ่ายปันผลสูงกว่า 5% สำหรับงวดครึ่งหลังปี 2567 นำโดย บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ทำให้ประเมินว่า KTB มีแนวโน้มจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด (Outperform SET) ได้ในระยะสั้น จากแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่เติบโตสูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจ่ายปันผลสูง
อย่างไรก็ตาม แนะนำซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ราคาเป้าหมาย 178 บาท คาดอัตราเงินปันผล 5.3%, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ราคาเป้าหมาย 170 บาท คาดอัตราเงินปันผล 5.3%, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ราคาเป้าหมาย 125 บาท คาดอัตราเงินปันผล 8.5%, KKP ราคาเป้าหมาย 60 บาท คาดอัตราเงินปันผล 6.3% และ KTB ราคาเป้าหมาย 24 บาท คาดอัตราเงินปันผล 5.2%
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า KTB จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในไตรมาส 4/2566 มีการตั้งสำรองสำหรับลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่ง (คาดคือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD)
อย่างไรก็ดี กำไรจะลดลง 6% จากไตรมาสก่อนหน้า จาก 1.รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง 1% จากการลดลงของ Yield on loan 2.รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง 6% เพราะเงินลงทุน (FVTPL) 3.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น 2% ตามปัจจัยฤดูกาล ในส่วนของสินเชื่อเพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.0% จากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็น 0.5% จากต้นปี (YTD) จากสินเชื่อภาครัฐ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์บริหารได้ดี มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL Ratio อยู่ที่ 3.15% ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2567
บล.กรุงศรี ยังได้คาดการณ์กำไรของ KTB ปี 2568 อยู่ที่ 4.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม โดยเฉพาะสินเชื่อภาครัฐ การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (Credit cost)
ทั้งนี้ แนะนำซื้อ KTB และคงราคาเป้าหมายที่ 24 บาท เพราะกำไรสุทธิปี 2568 เติบโตเด่น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และได้ผลบวกจากงบประมาณภาครัฐ คาดว่ามีการเร่งเบิกจ่ายในครี่งแรกของปี 2568 รวมถึงมีโอกาสเห็น KTB ปรับเพิ่ม Payout ratio ขึ้น จากปัจจุบันที่ราว 30% ทั้งนี้ให้ KTB เป็นหุ้นเด่นคู่กับ KBANK ราคาเป้าหมาย 180 บาท