ฟื้นประชุม JTC “ไทย-ปากีสถาน” รอบ 10 ปี ชี้ตลาดใหญ่เอเชียใต้
"พิชัย” รมว.พาณิชย์ จับมือ “ทูตปากีสถาน” ฟื้นเวทีประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ครั้งแรกในรอบ 10 ปี ชี้ตลาดใหญ่ของเอเชียใต้ ประชากร 240 ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ม.ค.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือกับ นางรุคซานา อัฟซอล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยทั้งสองฝ่าย เห็นชอบที่จะกลับมาประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-ปากีสถาน ระดับรัฐมนตรี หลังจากห่างหายไปกว่า 10 ปี เพื่อหารือแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและบริบทการค้าปัจจุบัน
อาทิ การกลับเข้าสู่การเจรจาความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ไทย-ปากีสถาน, การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และการพัฒนาความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ อาหาร สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ ประมง และการท่องเที่ยว อันจะช่วยส่งเสริมโอกาสทางการค้าและห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน รวมทั้งเพิ่มพูนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในระยะยาว โดยไทยยินดีเป็นเจ้าภาพการประชุม JTC ไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 4 ในปี 2568
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ปากีสถานเป็นตลาดใหญ่มีประชากรกว่า 240 ล้านคน มากเป็นอันดับ 5 ของโลก มีประชากรวัยทำงานที่มีกำลังซื้อมากถึง 80 ล้านคน การค้าระหว่างกันมีความเกื้อกูลกันและมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากสินค้าหลายรายการเป็นสินค้าขั้นกลางจากไทยที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของปากีสถาน เพื่อรองรับตลาดภายในและส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ใยสังเคราะห์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และชิ้นส่วนรถยนต์
ขณะที่ปากีสถานมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สามารถเป็นวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมการผลิตของไทยได้ เช่น สัตว์น้ำ อัญมณี ถ่านหิน และแร่เหล็ก ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โดยไทยได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการปากีสถาน เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ My Karachi ระหว่างวันที่ 1-3 ส.ค.68 ณ เมืองการาจี ขณะที่ปากีสถานได้เชิญผู้ประกอบการไทย เข้าร่วมงาน Pakistan ASEAN Trade Development Conference ระหว่างวันที่ 6-9 ส.ค.68 ณ กรุงจาการ์ตา
ไทยและปากีสถานยังยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน โดยปากีสถานได้จัดตั้งสภาอำนวยความสะดวกการลงทุนพิเศษ (Special Investment Facilitation Council) เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติใน 5 สาขาหลัก ได้แก่ เกษตรและอาหาร, เทคโนโลยีสารสนเทศ, พลังงานหมุนเวียน, การทำเหมืองแร่ และท่องเที่ยว ในขณะที่ไทยได้เชิญชวนให้ปากีสถานเข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในไทย ซึ่งมีความพร้อมด้านระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี อาทิ ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะไฟฟ้าและน้ำ
ทั้งนี้ ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.67 การค้าระหว่างไทยกับปากีสถานมีมูลค่า 1,031.76.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไปปากีสถานมูลค่า 781.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เส้นใยประดิษฐ์, เคมีภัณฑ์, เม็ดพลาสติก และยางพารา
ส่วนการนำเข้าของไทยจากปากีสถานมูลค่า 250.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ สัตว์น้ำสด, แช่เย็น, แช่แข็ง, แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป, น้ำมันดิบ, กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ, เสื้อผ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 530.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ