ส่อง 15 หุ้น mai “ราคาเด่น-ดิ่ง” ปี 67 ชู PLANET ฟันรีเทิร์น 136%
ส่อง 15 หุ้นตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง- ลงแรง ในปี 67 พบ PLANET ฟันรีเทิร์นสูงสุด 136.14% ขณะที่ YGG รูดหนักสุด 91.89%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา เทียบกับราคาปิด (28 ธ.ค.66 ถึง 30 ธ.ค.67) เพื่อนำเสนอให้นักลงทุน โดยคัดเลือก 15 อันดับแรกที่ราคาปรับตัวขึ้นแรง-ลงแรง ซึ่งมีรายละเอียดตามตาราง ดังนี้
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง 15 อันดับแรก ได้แก่ PLANET, 24CS, NDR, UREKA, KGEN, TRT, PROS, STP, TMW, AU, CHOW, VL, PHOL, TNP และ FSMART
บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ราคาหุ้นทั้งปี 67 ปรับตัวขึ้น 1.96 บาท หรือขึ้นไป 136.14% ส่วนหนึ่งรับปัจจัยบวกจากประเด็นที่ได้รับแต่งตั้ง “Solution Partner” จาก บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ให้เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ภายใต้แบรนด์สินค้า SIEMENS ตั้งเป้าลุยขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมให้บริการประเมินความเสี่ยงภัยคุกคามจากการปฎิบัติงาน (OT Security assessment) ฟรี แก่ธุรกิจ และโรงงานอุตสาหกรรมที่สนใจ
ประกอบกับที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ครั้งที่ 2 (PLANET-W2) จำนวนไม่เกิน 193,223,633 หน่วย ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) แบบไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี กำหนดราคาการใช้สิทธิ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากการใช้สิทธิตาม PLANET-W2 จำนวน 193,223,633 บาท
โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มบริษัท รองรับการดำเนินงานปกติในธุรกิจหลัก ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมถึงการต่อยอดและขยายธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทจะมีสภาพคล่องมากขึ้นจากเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับจากเงินเพิ่มทุน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต
บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR ราคาหุ้นทั้งปี 67 ปรับตัวขึ้น 1.83 บาท หรือขึ้นไป 53.78% ตอบรับข่าวได้ปรับปัจจัยสนับสนุนจากกระแสข่าวเพิ่มทุนขาย PP 110 ล้านหุ้น ให้กับ EG Industries Berhad (EG) บริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ มาเลเซีย เพื่อขยายตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Testing Center) อุปกรณ์ระบบ 5G ชี้มีศักยภาพเติบโตสูงตามเทรนด์เทคโนโลยี พร้อมตั้งบริษัทย่อย เอ็กซ์ โทรนิค เสร็จแล้ว ส่งซิกสดใส เริ่มมีออเดอร์ไหลเข้า คาดการณ์เริ่มสร้างรายได้ในปี 68
บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU ราคาหุ้นทั้งปี 67 ปรับตัวขึ้น 11.00 บาท หรือขึ้นไป 19.57% โดยทางบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ช่วงที่ผ่านมาว่า คาดการณ์กำไร ไตรมาส 4/67 เติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า จากการเข้าสู่ High Season และปรับประมาณการกำไรปี 67 เพิ่มขึ้น 10% สู่ 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศในช่วงปลายปีและฤดูกาลท่องเที่ยวของต่างชาติ สะท้อนการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เดือน ต.ค.-พ.ย. ที่ผ่านมายังเป็นบวก
ทั้งนี้หลักๆ ยังคงได้แรงสนับสนุนจากสาขาภาคใต้ (หาดใหญ่) ที่ได้รับกระแส Viral ในสินค้ากลุ่มโทสต์จากชาวมาเลเซีย รวมทั้งปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว คือ 1.) ธุรกิจร้านขนมหวานยังมีแผนขยายสาขาอีก 2 สาขา โดยเน้นเปิดในพื้นที่ที่มีกาลังซื้อสูงและคนหนาแน่น, 2.) เพิ่งเปิด After You สาขาแรกที่พนมเปญ, 3.) รีแบรนด์ร้าน Mikka Cafe เป็น Mikka Coffee Roasters เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Premium มากขึ้น
4.) เปิดร้านแบบ Pop-up Store ตามสถานที่ท่องเที่ยว และ 5.) ร่วมมือกับ “การบินไทย” ให้บริการเสิร์ฟขนมปังแบรนด์ After You มีสัญญาจนถึงช่วง พ.ค.68 ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับประมาณการรายได้อยู่ที่ 1,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรปี 67 อยู่ที่ 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 13.50 บาท
บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ราคาหุ้นทั้งปี 67 ปรับตัวขึ้น 3.28 บาท หรือขึ้นไป 11.56% โดยทาง บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์คาดการณ์มีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ อาทิ มาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาทาท โดยในไตรมาส 4/67 ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเป็นบวกได้ต่อทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้าตามปัจจัยตามฤดูกาล และกำลังซื้อที่พื้นตัว สนับสนุนจากมาตรการภาครัฐฯ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 178.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรปี 68 อยู่ที่ 196.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus อยู่ที่ 4.61 บาท
ขณะที่ หลักทรัพย์ที่ปรับตัวลงแรงสุด 15 อันดับแรก ได้แก่ YGG, CHO, ARIN, MORE, COMAN, HEALTH, PEER, DPAINT, CIG, TAKUNI, PRI, HYDRO, IIG, STOWER และ BE8