STELLA แจง 6 ปมคดีฟ้องร้อง-โอนขายทรัพย์สิน 52 แปลง มูลค่า 195 ล้าน ศาลนัดสืบพยาน ก.พ.นี้

STELLA อัปเดต 6 ประเด็น คดีฟ้องร้อง-งบการเงินไตรมาส 3/67 เกี่ยวกับการซื้อโรงแรมในเยอรมนี พร้อมแจงคดีโอนขายทรัพย์สินต่ำกว่าราคาประเมิน 52 แปลง มูลค่า 195 ล้านบาท ชี้ศาลนัดสืบจำเลย 10 - 12 ก.พ.นี้


นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สเตลล่า เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STELLA แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประแห่งประเทศไทย (ตลท.) ตามที่ STELLA ได้เปิดเผยรายงานความคืบหน้ากรณีต่าง ๆ ตามที่ปรากฏในข่าวและงบการเงินของบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการผ่านระบบเผยแพร่สารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SETLink) เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ความละเอียดทราบแล้วนั้น

ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไป STELLA จึงขอรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการต่อกรณีต่าง ๆ ข้างต้น เปรียบเทียบ ณ วันสิ้นไตรมาสที่ 3/2567 เปรียบเทียบ ณ วันสิ้นไตรมาสที่ 4/2567 ดังต่อไปนี้

1.การดำเนินการกับกลุ่มผู้ถือหุ้นของ บริษัท ณุศา ซีเอสอาร์ จำกัด (CSR) อีกฝ่ายหนึ่งที่ผิดนัดชำระเงินค่าหุ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ซึ่งผู้ถือหุ้นดังกล่าวยังคงเพิกเฉยไม่ชำระค่าหุ้นและดอกเบี้ยผิดนัดแต่อย่างใด

โดยข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 4/67 บริษัท ณุศา วัน จำกัด (NU1) ซึ่งเป็นผู้ชายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ CSR ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นที่ผิดนัดชำระหนี้แล้ว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เพื่อบังคับจำนำหุ้น CSR ที่เป็นหลักประกันออกขายทอดตลาด โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการกำหนดวันและสถานที่ขายทอดตลาดต่อไป

2.การติดตามเงินมัดจำ 50 ล้านบาท จาก บริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (MME) นั้น บริษัทได้ยื่นฟ้องอดีตกรรมการบริหารของบริษัทต่อ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ1775/2567 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง ด้วยความชื่อสัตย์สุจริตและไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัท โดยศาลได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว

ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 4/67 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นวันนัดชี้สองสถานหรือวันนัดสืบพยานโจทก์ปรากฏว่า จำเลยที่ 4 ได้มีคำร้องขอให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์เพื่อฟังผลคำวินิจฉัยก่อน โดยกำหนดวันนัดครั้งถัดไป ในวันที่ 27 มกราคม 2568

3.การขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมและการเปิดดำเนินงานของโรงแรมที่ เยอรมนี นั้น บริษัทไม่ได้รับแจ้งความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับการขอรับใบอนุญาตต่างๆ ที่จะทำให้โรงแรมดังกล่าวสามารถเปิดดำเนินงานได้

ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 4/67 บริษัทได้ยื่นฟ้องอดีตกรรมการบริหารและผู้บริหารของบริษัท ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ2532/2567 แล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายกรณีกระทำผิดหน้าที่กรรมการละเมิดโมฆะกรรมและเรียกทรัพย์คืน โดยศาลได้กำหนดวันนัดชี้สองสถานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568

4.การดำเนินการของบริษัท เพื่อให้ผู้สอบบัญชีสามารถสอบทานรายการซื้อโรงแรมที่เยอรมนีได้อย่างมั่นใจและแสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทแบบไม่มีเงื่อนไขบริษัทได้หารือร่วมกับผู้สอบบัญชีเพื่อกำหนดแนวทางและวิธีการในการสอบทานรายการดังกล่าว โดยบริษัทได้นำส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อผู้สอบบัญชีเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการสอบทาน

ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 4/67 บริษัทได้จัดทำงบการเงินประจำปี 2566 และงวดไตรมาส 3/2567 ฉบับแก้ไข ซึ่งผ่านการตรวจสอบและสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต รวมทั้ง เปิดเผยงบการเงินฉบับแก้ไขต่อสาธารณชนผ่านระบบ SETLink เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โดยหลังปรับปรุงรายการในงบการเงินดังกล่าว ผู้สอบบัญชีได้แก้ไขความเห็นต่องบการเงิน ประจำปี 2566 และงวดไตรมาส 3/2567 ของบริษัทเป็นแบบไม่มีเงื่อนไขแล้ว

5.ข้อพิพาทรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของ บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด (Legend) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ศาลได้พิพากษาให้บังคับตามชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยให้บริษัทชำระหนี้ค่าก่อสร้าง ต้นทุนในการจัดหาเงินทุน ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินทุนและดอกเบี้ย ค่าทนายความ ค่าแปลเอกสาร และค่าอนุญาโตตุลาการ ให้แก่ บริษัท ไชน่า นิวเคลียร์ อินดัสทรี 22 คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัท ชีเอ็นไอ 22 (ไทย) คอนสตรัคชั่น จำกัด

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 4/67 บริษัทไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลและได้ยื่นอุทธรณ์ในประเด็นข้อกฎหมายต่อศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567

6.การดำเนินการต่อรายการโอนขายทรัพย์สินต่ำกว่าราคาประเมิน จำนวน 9 แปลง ในพื้นที่เขาใหญ่ระหว่าง บริษัท ณุศา มาย โอโซน จำกัด (NMO) และ บริษัท ชีวาคุณ เอสเตทส์ จำกัด (ผู้ซื้อ)

บริษัท ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NMO ได้ยื่นฟ้องอดีตกรรมการบริหารของบริษัท (ผู้ซื้อ) และกรรมการของผู้ซื้อต่อศาลจังหวัด อ.สีคิ้ว เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.E110/2567 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 25667 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสัญญาโอนขายที่ดิน โดยศาลได้กำหนดวันนัดชี้สองสถานหรือวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 23 กันยายน 2567 แต่ต่อมาศาลได้มีคำสั่งเลื่อนวันนัดดังกล่าวออกไป เนื่องจากจำเลยขอขยายระยะเวลายื่นคำการของจำเลย

สถานะสิ้นไตมาส 4/67 ภายหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพัน NMO แล้ว บริษัทได้ยื่นคำร้องของขอนฟ้องต่อศาลในคดีหมายเลขดำที่ พ.E110/2567 และให้ NMO เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นคดีใหม่ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.476/2567 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสัญญาโอนชายที่ดินและเรียกทรัพย์คืนต่อศาลจังหวัดสีคิ้ว โดยศาลนัดฟังคำวินิจฉัยประธานศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อกฎหมายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568

ทั้งนี้ บริษัทยังได้ยื่นฟ้องคดีอาญากับอดีตกรรมการบริหารของบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อศาล จังหวัดเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1161/2567 ในข้อหายักยอกทรัพย์ โดยศาลกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

6.2 การดำเนินการต่อรายการโอนขายทรัพย์สินต่ำกว่าราคาประเมิน จำนวน 52 แปลง ใน โครงการ เอสเซน พระราม 5 ระหว่าง บริษัท และนิติบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน

โดยบริษัทได้ยื่นฟ้องอดีตกรรมการบริหารของบริษัท นิติบุคคล ที่เกี่ยวโยงกัน และกรรมการของนิติบุคคลดังกล่าว ต่อศาล จังหวัดนนทบุรี เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1882/2567 แล้ว เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิก ถอนสัญญาโอนขายที่ดิน จำนวน 52 แปลง ซึ่งมีการกำหนดราคาซื้อขายไว้ เป็นเงินจำนวน 195,952,872.34 บาท ต่ำ กว่าราคาประเมินโดยผู้ประเมินราคาอิสระ คิดเป็นส่วนต่าง ราคาประมาณ จำนวน 232,936,200.00 บาท สถานะสิ้นไตมาส 4/67 ศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2568 และวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์ 2568 ตามลำดับ

Back to top button