NEX เคาะเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิม 3.9 พันล้านหุ้น ขยายธุรกิจ-เงินหมุนเวียน

NEX มีมติเพิ่มทุน 3.9 พันล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท นำเงินหมุนเวียนและขยายธุรกิจ


พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ ประธานกรรมการบริษัท บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า มติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ประจำปี 2567 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา มีมติเสียงข้างมากอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิมหลังจากจดทะเบียนลดทุนหุ้นทุนรับซื้อคืนที่จำหน่ายไม่หมด 1,995,549,699 บาท เป็น 5,986,649,097 บาท โดยการเพิ่มทุนจำนวน 3,991,099,398 บาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยจำนวน 848,140,306 เสียง คิดเป็น 98.3896%, ไม่เห็นด้วย 13,881,600 เสียง คิดเป็น 1.6104, งดออกเสียง-บัตรเสียง 0 รวมคะแนนแล้ว ทั้งสิ้น 862,021,906 คิดเป็น 100%

อีกทั้ง พิจารณาอนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 3,991,099,398 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตาม สัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ ( Preferential Public Offering : PPO ) อัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.00 บาท

ขณะที่ มีวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนและการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม เพื่อเพิ่มเงินทุนในการขยายและพัฒนาธุรกิจ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยนำไปชำระหนี้ เจ้าหนี้การค้าจากบริษัทร่วม – AAB ซึ่งเป็นหนี้จากการซื้อสินค้า โดยหนี้ดังกล่าวครบกำหนดชำระแล้ว ก่อนที่บริษัทจะได้รับชำระเงินค่า สินค้าจากลูกค้าของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้ให้กำหนดเวลาชำระเงินค่าสินค้าแก่ลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 150 วัน หลังจากส่งมอบสินค้า ดังนั้น บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเพื่อนำมาจ่ายชำระหนี้สินดังกล่าวบางส่วน

นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปใช้ ดังต่อไปนี้

1.บริษัทจะนำเงินเพิ่มทุนที่ได้รับไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัท เช่น ใช้สำหรับการสั่งซื้อรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ประเภทต่าง ๆ มาจัดจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจสินค้าประเภทดังกล่าว (สมมติฐานสินค้า คือ รถหัวลาก 10 ล้อ แบตเตอรี่ 423 กิโลวัตต์ จำนวน 400 คัน ต้นทุนเฉลี่ยคันละ 5 ล้านบาท) และจะนำเงินไปชำระหนี้สินหมุนเวียนในส่วนของเจ้าหนี้การค้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน (บริษัท ร่วม AAB) บางส่วน เป็นเงินจำนวนประมาณ 3,500 ล้านบาท กำหนดการใช้เงินเพิ่มทุน ระหว่างปี 2568

2.บริษัทจะใช้เป็นเงินลงทุนเพื่อพัฒนาโรงงานผลิตของบริษัทร่วมทุน AAB โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นในร่วมทุน ดังกล่าว หรือในรูปแบบของการให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทร่วมทุน AAB เพื่อรองรับการรับจ้างผลิต (OEM) กล่าวคือ การประกอบรถยนต์เชิง พาณิชย์และรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลแบบ OEM เป็นเงินจำนวนประมาณ 491 ล้านบาท กำหนดการใช้เงินเพิ่มทุน ระหว่างปี 2568

ส่วน มติที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเสียงข้างมากอนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 3,991,099,398 หุ้น ให้แก่ผู้ ถือหุ้นเดิมตาม สัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Public Offering :PPO) อัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.00 บาท โดยไม่นับผู้ที่งดออกเสียงเป็นฐานในการนับคะแนน

ขณะที่มีมติเห็นด้วยจำนวน 848,140,206 เสียง คิดเป็น 98.3896%, ไม่เห็นด้วย 13,115,700 เสียง คิดเป็น 1.5215, งดออกเสียง 766,000 เสียง คิดเป็น 0.0889%, บัตรเสียง 0 รวมคะแนนแล้ว ทั้งสิ้น 862,021,906 คิดเป็น 100%

Back to top button