ครม. เคาะลดวงเงินขยาย “สายสีแดง” ช่วงรังสิต-มธ. เหลือ 6.4 พันล้านบาท
รฟท. เดินหน้าได้ เตรียมเปิดประมูล “ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต-มธ.” หลังครม. เคาะงบฯ 6.4 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปีนี้ คาดพร้อมเปิดใช้ ม.ค. ปี 71
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ม.ค.68 ว่า ครม. เห็นชอบโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 6,473.98 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอขอทบทวนมติครม. เมื่อวันที่ 26 ก.พ.62 เดิมกำหนดกรอบวงเงินไว้ที่ 6,570.40 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในการขออนุมัติในครั้งนี้ ได้ปรับตัวเลขวงเงินโครงการใหม่ โดยปรับลดลง 96.42 ล้านบาท รวมถึงปรับกรอบระยะเวลาก่อสร้างจาก 5 ปี เหลือ 4 ปี
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเร่งจัดทำเอกสารร่างขอบเขตของงาน (TOR) สำหรับการประกวดราคา เพื่อประมูลจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างด้านงานโยธา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2568 และเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลภายในไตรมาส 1/68 และจะเริ่มดำเนินงานก่อสร้างภายในปีนี้ โดยการก่อสร้างจะเป็นรูปแบบสัญญาเดียว
และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) จะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการเดินรถ เช่นเดียวกับการดำเนินงานโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต ซึ่งจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 4 ปี และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2570 และพร้อมเปิดให้บริการประชาชนในเดือนมกราคม 2571 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการประมาณวันละ 30,050 คนต่อเที่ยว
ทั้งนี้ รถไฟสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทางรวม 8.84 กิโลเมตร มีจำนวน 4 สถานี ได้แก่ สถานีคลองหนึ่ง, สถานีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ, สถานีเชียงราก และสถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
คาดอีก 2 เดือน จ่อเสนอมัดรวมสายสีแดง “ศิริราช–ตลิ่งชัน–ศาลายา” สัญญาเดียว
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และ ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ที่จะเสนอเพื่อขอทบทวนมติครม. เดิม และขออนุมัติการรวมจาก 2 เส้นทางเป็นโครงการเดียวกัน คือ “ช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา” ระยะทางรวม 20.5 กิโลเมตร วงเงินโครงการ 15,176.21 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า อีก 2 เดือนจะนำเสนอที่ประชุมครม. ต่อไป