“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 697 จุด กังวล “เฟด” ชะลอหั่นดอกเบี้ย หลังจ้างงานแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 41,938.45 จุด ลดลง 696.75 จุด หลังจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้นักลงทุนมีความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับเงินเฟ้อ ตอกย้ำเฟดระมัดระวังปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (10 ม.ค.68) หลังจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้นักลงทุนมีความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับเงินเฟ้อ ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,938.45 จุด ลดลง 696.75 จุด หรือ -1.63%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,827.04 จุด ลดลง 91.21 จุด หรือ -1.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,161.63 จุด ลดลง 317.25 จุด หรือ -1.63%
โดยดัชนีทั้ง 3 ตัวปิดลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน และดัชนี S&P500 ได้ลบช่วงบวกทั้งหมดที่ทำไว้ตั้งแต่ต้นปีนี้
ด้าน กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 154,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 212,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.2%
สำหรับตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดอาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เฟดอาจจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในเดือนมิ.ย. และจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมหลังจากนั้นตลอดทั้งปีนี้
บรรดาโบรกเกอร์ต่าง ๆ ได้ปรับคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดย BofA Global Research คาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแทนที่จะปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม ออสตัน กูลสบี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงเกินไปอีกครั้ง และเขายังคงคาดว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นยังมาจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีแตะระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 แต่ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.966%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง ยกเว้นกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น 0.34%
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับผลกระทบจากการที่ มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับ 73.2 ในเดือนม.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 74.0 จากระดับ 74.0 ในเดือนธ.ค.
สำหรับนโยบายการเงินเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการค้าและผู้อพยพภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้
โดยบรรดานักลงทุนจะจับตาดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดเพิ่มเติม หากตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นชิปรวมถึง อินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลงประมาณ 3% โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ระบุว่า สหรัฐฯ อาจประกาศข้อกำหนดใหม่ด้านการส่งออกอย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้