“พาณิชย์” หารือรัฐมนตรี “รัฐอัสสัม” ชวนลงทุน-ร่วมงาน SMEs เสริมการค้าไทย-อินเดีย
กระทรวงพาณิชย์ หารือรัฐมนตรีรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ชวนนักธุรกิจลงทุนอุตสาหกรรม พร้อมเชิญร่วมงานแฟร์ SMEs เพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-อินเดีย
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (12 ม.ค.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์หารือกับ Mr. Keshab Mahanta รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สรรพากร และการจัดการภัยพิบัติ แห่งรัฐอัสสัม ซึ่งเป็นรัฐที่มีอัตราเติบโตสูงรัฐหนึ่งของประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ในทางตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ชายแดนเมียนมา เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ กระทรวงพาณิชย์
โดย นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยการนำของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งไทยมีศักยภาพในอุตสาหกรรมใหม่อย่างแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ซึ่งอินเดียและไทยสามารถนำศักยภาพมาเสริมกันเพื่อเชื่อมต่อการผลิต PCB และบริการที่เกี่ยวข้องได้ และตนเชิญชวนผู้ประกอบการจากรัฐอัสสัมมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย อาทิ งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems and Jewelry Fair) ครั้งที่ 71, งานแสดงสินค้า THAIFEX – HOREC Asia 2025, งาน STYLE Bangkok งานแสดงสินค้าอาหาร 2568 (THAIFEX – ANUGA ASIA 2025) และ งาน TILOG – Logistix 2025 เป็นต้น
ทั้งนี้ กิจกรรมที่ทางกระทรวงพาณิชย์จะจัดขึ้นในประเทศอินเดีย อาทิ งานแสดงสินค้า Thailand Week ณ เมืองบังกาลอร์ และเมืองเจนไน, งาน Top Thai Brands ณ กรุงนิวเดลี เป็นต้น เพื่อเป็นโอกาสในการพบปะเจรจาธุรกิจ และได้เสนอให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพ รวมถึงมหาวิทยาลัยของทั้งสองฝ่าย เพื่อปูทางไปสู่การค้าและการลงทุนร่วมกันของ SMEs รุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต
ขณะที่ ทางรัฐมนตรีฯ ของอัสสัมได้หารือถึงลู่ทางการขยายการค้าและการลงทุนไปสู่เขตเศรษฐกิจในรัฐอัสสัมที่เป็นศูนย์กลางของรัฐต่างๆ ที่รวมเรียกว่ารัฐ 7 สาวน้อยของอินเดีย ซึ่งทางรัฐอัสสัมได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทยให้เดินทางไปสำรวจโอกาสการลงทุนในรัฐอัสสัม โดยจะมีการจัดงานส่งเสริมการลงทุนชื่อ Assam Advantage 2.0: Investment and Infrastructure Summit ระหว่างวันที่ 25 -26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เมืองกวาฮาตีของรัฐอัสสัม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคการก่อสร้างเพื่อรองรับการเขตอุตสาหกรรมต่างๆ เชิญชวนให้เอกชนไทยเข้าไปร่วมพัฒนาและลงทุนในสาขาที่รัฐอัสสัมมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ยินดีจะประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการไทย รวมถึงพร้อมจะให้การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อาทิ ศูนย์การจัดเก็บข้อมูล (Data Center) เพื่อใช้ในการจัดการทรัพยากร การจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนาด้านอื่นๆ ของอัสสัม ทั้งนี้ทางรัฐอัสสัมยินดีที่จะอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ แก่นักลงทุนไทยด้วย
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า อินเดียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยไทยและอินเดียมีการค้าสินค้าอุตสาหกรรมขั้นกลางระหว่างกันจำนวนมาก ซึ่งอินเดียนำไปต่อยอดการผลิตเป็นสินค้าต่างๆ เพื่อใช้ภายในประเทศและการส่งออก การค้าไทยและอินเดียจึงมีลักษณะการเป็นห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันในภูมิภาคในปี 2567 (ม.ค. – พ.ย. 67) ไทยและอินเดียมีการค้ารวมมูลค่า 15,797.32 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.06% จากปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ประเทศไทยส่งออกไปยังอินเดียเป็นมูลค่า 10,497.46 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.35% จากปีก่อนหน้า สำหรับสินค้าส่งออก 10 อันดับแรก ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ทองแดงและของที่ทำด้วยทองแดง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง