TPCH ลุยก่อสร้าง “โซลาร์ฟาร์ม” สปป.ลาว-เร่งขาย “คาร์บอนเครดิต” ดันรายได้โตเด่น
TPCH ปักธงปี 68 ลุยโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศ-ต่างประเทศเต็มสูบ ประเดิมไตรมาส 1/68 เริ่มก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มในสปป.ลาว ดันผลงานโตแกร่ง
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 68 บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ
ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานขยะและโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ในส่วนของต่างประเทศ แบ่งเป็น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) รวมทั้ง โครงการพลังงานลม ที่ประเทศกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลงานในปีนี้เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ รวมทั้ง โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) จำนวน 1 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 90.2 เมกะวัตต์
“ในปีนี้เรามั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ให้เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายของโรงไฟฟ้าที่ตัดจำหน่ายออกไป นอกจากนี้มีการควบคุมต้นทุนของค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติตามแผนงาน ประกอบกับมีการนำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกโครงการ ได้จดทะเบียนสำหรับคาร์บอนเครดิต และ I-RECs เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ในการขายคาร์บอนเครดิต สนับสนุนผลงานของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตได้ในระยะยาว” นางกนกทิพย์ กล่าว
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศ มีการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ซึ่ง TPCH เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วน 40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/268 โดยมีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี ส่วนของการลงทุนในประเทศกัมพูชา โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตของโครงการพลังงานลมประมาณ 50-100 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 180-200 เมกะวัตต์
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ โดยพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในไตรมาส 1/2568 ขณะที่ มีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 29.3 เมกะวัตต์ และยังคงเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการในต่างประเทศ กำลังการผลิต 350 เมกะวัตต์ เป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม