ดักเก็บหุ้นพลังงาน-โรงกลั่น หลัง “มะกัน” คว่ำบาตรผู้ผลิต-เรือบรรทุกน้ำมัน “รัสเซีย”
ดักเก็บหุ้นพลังงาน-โรงกลั่น หลัง “มะกัน” คว่ำบาตรห่วงโซ่ผู้ค้า-ผลิต-เรือบรรทุกน้ำมันกว่า 180 ลำ ของ “รัสเซีย” ครั้งใหญ่ เพื่อตอบโต้การใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตี “ยูเครน” หนุนราคาน้ำมัน “นิวไฮ” รอบ 3 เดือน ด้าน “บล.ดาโอ (ประเทศไทย)” แนะนำซื้อ SPRC-PTTEP-BCP เด่นกลุ่ม
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์หุ้นกลุ่ม “พลังงานและโรงกลั่น” คาดจะได้ประโยชน์จากประเด็นกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันรัสเซีย เช่น Gazprom Neft, Surgutneftegas และเรือบรรทุกน้ำมันกว่า 180 ลำ เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครน โดยอาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งระบุไว้ดังนี้
จากกรณีรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (US) ประกาศคว่ำบาตร (sanction) รัสเซียเพิ่มเติมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการ sanction ครั้งนี้เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งครอบคลุมถึงผู้ผลิตน้ำมัน, เรือบรรทุกน้ำมัน, บริษัทคนกลาง, ผู้ค้าน้ำมัน และท่าเรือของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะที่จะโจมตีทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตและการกระจายน้ำมันของรัสเซีย โดยสหรัฐจะ sanction ไม่เพียงแต่ Gazprom Neft และ Surgutneftegaz สองบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ แต่รวมถึง Ingosstrakh และ Alfastrakhovanie บริษัทผู้ให้บริการประกันภัยเรือซึ่งครอบคลุมเรือส่วนใหญ่ที่ส่งน้ำมันรัสเซียไปยังอินเดีย
นอกจากนี้สหรัฐยังจะ sanction เรือบรรทุกน้ำมัน 183 ลำ (ซึ่งหลายลำอยู่ในกองเรือเงา (shadow fleet) ของเรือบรรทุกน้ำมันเก่าที่ดำเนินการโดยบริษัทที่ไม่ใช่ของตะวันตก) การยกเลิก sanction ใหม่จะยุ่งยาก มีรายงานว่าการยกเลิก sanction รอบใหม่นี้จะขึ้นอยู่กับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ (ซึ่งกำลังจะเข้ารับต่ำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.2568) ว่าจะยกเลิกการ sanction ที่บังคับใช้ในยุคไบเดนเมื่อใดและด้วยเงื่อนไขใด แต่การจะทำเช่นนั้นได้ทรัมป์จะต้องแจ้งให้สภาคองเกรสทราบ และกำหนดให้รัฐสภาสามารถลงมติไม่เห็นด้วยได้
ทั้งนี้สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันหลายคนเรียกร้องให้ไบเดนบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรในวันศุกร์ที่ผ่านมา (ที่มา: Reuters, Bloomberg)
โดยประเด็นดังกล่าว DAOL มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ โดยมองว่าการ sanction รัสเซียรอบนี้นับเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดซึ่งอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย โดยมีการประเมินว่า Gazprom Neft และ Surgutneftegaz มีการส่งออกน้ำมันรวมกันประมาณ 0.8-1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) ในปี 2567 และอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาพรวมตลาดน้ำมันโลกที่ก่อนหน้านี้มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะอุปทานล้นตลาด (oversupply) ในปี 2568 จากภาพรวมอุปสงค์การใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวช้ากว่าอุปทานใหม่ที่เข้ามา (โดยเฉพาะจากกลุ่ม non-OPEC+)
ทั้งนี้วันศุกร์ที่ผ่านมาราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวสูงขึ้น 3.7% เป็น 79.8 เหรียญ/บาร์เรล สูงที่สุดในรอบ 3 เดือน ยังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน และคาดส่งผลบวกต่อหุ้นน้ำมันต้นน้ำและหุ้นโรงกลั่นที่ โดยชอบหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC แนะนำซื้อเป้า 8.50 บาท,บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 160.00 บาท และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แนะนำซื้อราคาเป้า 40.00 บาท
ทั้งนี้เชื่อว่า PTTEP จะรายงานกำไรที่ฟื้นตัวในไตรมาส 4/67 เทียบไตรมาสก่อนหน้าตามแนวโน้มปริมาณขายเฉลี่ยที่แตะ ระดับสถิติใหม่ ในขณะที่คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มโรงกลั่นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วในไตรมาส 3/67 และจะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 4/67 หนุนโดย 1) การฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) และ 2) ผลขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (stock loss) ที่เป็นไปได้ที่ลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวนน้อยลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 4/67
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเป็นขาขึ้นและทำจุดสูงสุดตั้งแต่ พ.ย.67 น้ำมันดิบ Brent +3.7% เทียบวันก่อนหน้าปิดที่ 79.7 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ West Texas +3.58% เทียบวันก่อนหน้าปิดที่ 76.5 เหรียญ/บาร์เรล
โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์อุปทานน้ำมันประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะหายไป คือข่าว รัฐบาลสหรัฐ ไบเดนได้ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ผลิตน้ำมัน, เรือบรรทุกน้ำมัน, คนกลาง, เทรดเดอร์ และท่าเรือต่าง ๆ ของรัสเซีย โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ เน้นเก็งกำไร PTTEP