“ทักษิณ” ฝากผู้จัดการกองทุนใส่เงิน หนุนตลาดหุ้น-เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุนไทย

"ทักษิณ" ฝากผู้จัดการกองทุนใส่เงินหนุนตลาดหุ้น แนะเร่งฟื้นฟู Trust-Confidence-Sentiment ตลาดทุนไทย แก้ปัญหา “โรบอท เทรด”-ดึงต่างชาติลงทุน-เพิ่มความโปร่งใส่-แก้หุ้นต่ำบุ๊ก เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (13 ม.ค.68) หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ จัดงานสัมมนาเชิงกลยุทธ์ภายใต้หัวข้อ “Dinner Talk Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” มาร่วมกันเปลี่ยนตลาดหมีเป็นกระทิง โดยจัดขึ้น ณ ห้อง ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยขึ้นแสดงปาฐกถาพิเศษว่า ตลาดหุ้นไทยมีอยู่ 3 คำคือ Trust-Confidence-Sentiment ดังนั้นในภาวะตลาดวันนี้ไม่ค่อยดีเพราะขาดทั้ง 3 ตัวที่จะต้องรีบนำกลับคืนมา โดยเฉพาะ Trust-Confidence ส่วนในเรื่อง Sentiment เป็นเรื่องของสถานการณ์โลกที่มการเปลี่ยนแปลงการเมืองของสหรัฐอเมริกา  โดยเฉพาะในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ถ้า “ทรัมป์”เข้ารับตำแหน่งประธานธิบดีและทำได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายมีทั้งลบและบวก

อย่างไรก็ตามได้รับฟังและรับทราบถึงปัญหาจากทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดังนั้นจะต้องมีกี่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาการปรับตัวของตลาดและก.ล.ต.ค่อนข้างจะล่าช้าจากนี้ไปจะต้องเร็วขึ้น และอะไรที่ต้องออกเป็นพรก.ก็ต้องออกเตรียมไว้หลายเรื่องอยู่ที่ต้องปรับปรุงได้แก่

1.ปัญหาความโปร่งใสของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีเหตุเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและแก้ปัญหาได้ช้า เรื่องนี้คิดว่าบริษัทที่เข้าตลาดแล้วจะไม่ติดตามข้อมูลอย่างต่อ หมือนเราต้องไปหาหมอและตรวจสุขภาพอยู่ตลอด ดังนั้นตลาดต้องสร้างความน่าเชื่อถือ และต้องติดตามพฤติกรรมฝ่ายบริหารทุกบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ใช้เงินผิดประเภท ทำบัญชีได้ถูกต้อง มีระบบตรวจสอบที่ถูกต้องมีการบริหารที่ถูกต้อง และต้องมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ก่อปัญหาต่อตลาดหลักทรัพย์

2.ได้รับการพูดถึงบ่อยครั้ง คือ ปัญหาการใช้โรบอทเทรด (Robot Trade) ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ซอฟต์แวร์เหล่านี้มีราคาค่อนข้างต่ำ และโดยรวมแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้ เพราะเป็นการเทรดในช่วงสิ้นวัน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์อาจสนใจในเรื่องนี้เนื่องจากสามารถเพิ่มวอลุ่มในตลาดได้ แต่ต้องมีการตรวจสอบและควบคุมให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบจากการใช้งาน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบกัน การตรวจสอบนี้เป็นหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ในการรักษากติกาอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งต้องแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อในการเทรดให้มีความเร็ว (สปีด) ใกล้เคียงกัน

3.การดำเนินการที่ช้า (slow action) หลายบริษัทใช้เวลานานกว่าจะตอบสนองและอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความล่าช้าและส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติสูญเสียความเชื่อมั่น เช่น กรณีของหุ้น MORE ซึ่งประเด็นนี้ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตลาดหุ้นไทย ขณะเดียวกันรัฐบาลและกระทรวงการคลังมีแผนที่จะให้อำนาจเพิ่มเติมแก่ ก.ล.ต. เพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที โดยไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาจากอัยการหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (DSI) ทั้งนี้ รัฐบาลควรให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน

4.รัฐบาลเตรียมชักชวน BOI และต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในตลาดไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนให้บริษัทใหญ่ๆ เข้าลงทุนในโครงการสำคัญ เช่น Entertainment Complex ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการในวันนี้(13ม.ค.68) และจะนำเข้าสู่สภา โดยมีการลงทุนประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นและช่วยขยาย supply ในตลาดหลักทรัพย์ให้มีมากขึ้น

5.หลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (book value) และ P/E ที่ต่ำ ตรงนี้อยากจะสนับสนุนให้บริษัทซื้อหุ้นตัวเองเข้าพอร์ต และอยากให้รัฐบาลนำโมเดลแบบประเทศญี่ปุ่นมาใช้เพื่อวางแผนเพื่อทำให้ราคาหุ้นของบริษัทกับบุ๊คใกล้เคียงกัน

6.รัฐบาลอยากเห็นสำนักงานก.ล.ต. ขับเคลื่อนภาคดิจิทัล บิตคอยน์ และคริปโต เพราะฉะนั้นสำนักงานก.ล.ต. ต้องมีสายดิจิทัลบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอนุญาตให้ไปเทรดสเตเบิลคอยน์ (stablecoin) โดยใช้พันธบัตรของรัฐบาลช่วยกัน จึงอยากให้สำนักงานก.ล.ต. ต้องเตรียมเปิดทางกับมาตรการนี้ เพื่อให้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้อยากให้มีคาร์บอนเครดิตเทรด ซึ่งหากเปิดเป็นศูนย์เทรดคาร์บอนเครดิตคนไทยได้ราคาดีขึ้น จะได้ประโยชน์เรื่องของการส่งออก หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี รวมถึงเวอร์ชวลแบงก์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub / Financial Center) ของไทย

ขณะเดียวกัน อยากเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น ซึ่งเงินที่มีอยู่มักจะถูกดูดไปเป็นบอนด์เกือบ 80% รวมถึง LTF ที่หมดอายุไปบ้าง ซึ่งวันนี้ได้มีการพิจารณาว่าจะทำต่ออายุ LTF หรือไม่

“เรื่องการออกบอนด์ คริปโตทั้งหลาย รัฐบาลเตรียมทำ Sandbox อาจจะเริ่มภูเก็ต แต่เป็นการจัดการโดยรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ผู้ได้รับบิตคอยน์จะไม่มีความเสี่ยง”

Back to top button