DITTO-TEAMG รับลูกไทยดัน “คาร์บอนเครดิต” สู่ฮับ-เข้าร่วมนโยบาย “ถมทะเล”

DITTO-TEAMG เตรียมเรื่องคาร์บอนเครดิตทางประเทศไทยจะผลักดันให้เป็นฮับ จากทางดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวในงาน “Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market” รวมถึงนโยบายถมทะเล โดย TEAMG มีโอกาสร่วมเข้าไปช่วย เนื่องจากบริษัทเป็นผู้เชียวชาญด้านน้ำ และมีนักวิชาการเฉพาะทาง


นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า จากงานดินเนอร์ทอล์ก “Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market” โดย นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจจัดขึ้น มีตอนหนึ่งที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงคาร์บอนเครดิตและการถมทะเลของนโยบายประเทศนั้น

โดยทาง DITTO มองว่าคาร์บอนเครดิตเป็นเรื่องที่ทางบริษัทฯมีความตั้งใจทำมาระยะหนึ่งแล้ว เช่นเรื่องของการลงมือจัดการในการปลูกป่า สร้างระบบนิเวศป่าชายเลนในภาคใต้ โดยสามารถขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน): TGO ประมาณ 20,000 ไร่ และมีการยื่นไฟลิ่ง (IPO) กับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อทำโทเคนคาร์บอนเครดิตเพื่อดึงให้ประชาชนมาร่วมกันปลูกป่าเพื่อคาร์บอนเครดิตในปีนี้อีกด้วย

เนื่องจากในส่วนของคาร์บอนเครดิตยังถือเป็นเรื่องไกลตัวมากทั้งภาคธุรกิจ ดังนั้นเมื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงประเด็นคาบอนเครดิต ซึ่งทางนานาชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เช่นประเทศสิงคโปร์ ตลาดยุโรป และตลาดไทย นั่นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องคาร์บอนเครดิตทางประเทศไทยจะผลักดันให้เป็นฮับ ส่งผลให้การเทรดคาร์บอนเครดิตในราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งทำให้ธุรกิจในประเทศไทยที่เป็นนำเข้า-ส่งออก สามารถใช้ระบบคาร์บอนเครดิตนำไปขายในต่างประเทศได้ เนื่องจากในเรื่องของภาษีคาร์บอนได้ในการส่งออกไปยังภาคยุโรป เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นคือฝั่งยุโรปเก็บภาษีคาร์บอนเครดิต

ทั้งนี้ตัว DITTO เองที่ลงทุนปลูกป่า เพื่อจะเติมคาร์บอนเครดิตให้กับตลาดภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยอย่างจริงจัง ถือว่าทางบริษัทเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำจริงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเวลา ดังนั้นก็เรียนว่าทาง “ดร.ทักษิณ ชินวัตร” กล่าวในงานดินเนอร์ทอล์ก “Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market” ทำให้เห็นภาพรวมชัดเจนมากยิงขึ้น

อีกทั้งยังมีเรื่องประกอบร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากเดิมที่เพียงทำลักษณะ CSR แต่ล่าสุดมีความชัดเจนมากขึ้นนั้น ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ในการค้า และยังทำให้ภาคสิ่งแวดล้อม สังคม ได้รับประโยชน์ในส่วนนี้อีกด้วย

นายฐกร กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นในส่วนของป่าชายเลนไม่ใช้ได้แต่คาร์บอนเครดิต แต่ยังได้ส่วนของการตรวจวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการขึ้นทะเบียนของรัฐบาลไทย ดังนั้นทาง บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ซึ่งเป็นผู้สามารถตรวจสอบได้ และเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทต่างๆ ในส่วนของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เนื่องจากในอนาคตการส่งสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง จะต้องรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ คือสินค้าดังกล่าวใช้คาร์บอนไดออกไซด์ไปเท่าไร

ดังนั้นต่อไปสินค้าในประเทศไทยที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ ทางบริษัทในไทยที่ส่งไปจะต้องรายงานว่าใช้ก๊าซเรือนกระจกฟุตพริ้นท์ไปเท่าไร โดยทาง TEAMG ซึ่งเป็นที่ปรึกษา และเพิ่งได้รับใบอนุญาตจากทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ทำให้เป็นผู้ประเมินได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย

“ผลดังกล่าวทำให้ DITTO เป็นผู้ปลูกป่าชายเลนเพื่อสร้างคาร์บอนเครดิต ขณะที่ทาง TEAMG เป็นที่ปรึกษาเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยคาร์บอนเครดิตเป็นรายการที่จับต้องได้ ซึ่งทาง TEAMG จะอยู่ในเรื่องของการประเมิน วิชาการ เนื่องจาก TEAMG ขึ้นชื่อในเรื่องวิชาการอยู่แล้ว  ซึ่งจะเข้าไปช่วยในองค์กร บริษัท โรงงาน และภาคธุรกิจต่างๆ ในส่วนของการเข้าไปประเมิน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ในองค์กร, คาร์บอนฟุตพริ้นท์ในโปรดักส์  ผลดังกล่าวทำให้บริษัทมีรายได้จากฝากขายคาร์บอนมากขึ้น” นายฐกร กล่าว

นายฐกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของนโยบายภาครัฐที่จะมีการถมทะเลนั้น เนื่องจากกรุงเทพฯ มีโอกาสน้ำท่วมอีก 20 ปีข้างหน้า เรื่องดังกล่าวประชาชนทราบกันอยู่แล้ว เพราะหากดูพบว่าในปัจจุบันน้ำเกิดการท่วมมาโดยตลอด เนื่องจากระดับน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำในแม่น้ำในกรุงเทพออกไปทางทะเลไม่ได้จึงทำให้เอ่อล้น

ดังนั้น เมื่อ ดร.ทักษิณ กล่าวเรื่องถมทะเล เพื่อที่จะกันไม่ให้น้ำทะเลเข้ามาหนุน ตนมองว่าจะแก้ปัญหา คือการที่จะต้องไปสร้างพื้นที่ออกไปของทะเลอ่าวไทยไม่ไกลมาก และทำเป็นเหมือนเขือน หรือปราการกั้นน้ำ โดยจากนั้นระหว่างพื้นที่ในปราการกั้นน้ำสามารถนำมาทำเป็นพื้นที่ดินได้ เพื่อให้พื้นที่ดินดังกล่าวสร้างเป็นเกาะ เพื่อจะช่วยให้เวลาในการทำโครงการตั้งแต่ภาคตะวันออกแถวเฉิงเชา จนถึงสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ในการปิดกันไม่ให้น้ำทะเลหนุนเข้าแม่น้ำ เช่น แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา  ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร และอยุธยาได้ต่อไปในอนาคต

ส่วนโครงการดังกล่าวอาจต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งภาครัฐอาจมีเงินไม่เพียงพอ จึงมีนโยบายว่าอาจต้องเอาพื้นที่เกิดจากการถมทะเล หรือสร้างพื้นที่ใหม่ขึ้นมาลึกลงไปประมาณ 15 เมตร เนื่องจากเป็นอ่าวไทย ทำให้เป็นพื้นที่ใหม่ขึ้นมาที่อาจเป็นเกาะ ซึ่งมาสามารถให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยการขายพื้นที่อิงสิทธิ 99 ปี เนื่องจากต่างชาติมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้วก่อนหน้า

และประเด็นที่สำคัญ คือ ที่อ่าวไทยไม่มีสึนามิ ไม่อยู่แนวแผนดินไหว ไม่มีไต้ฝุ่น ไม่มีทอร์นาโด เข้ามารบก่วน ทำให้อ่าวไทยเป็นที่เซฟโซนมาก เหมือนอ่าวขนาดใหญ่ที่ไม่มีเรื่องดังกล่าว ดังนั้นรัฐบาลจึงจะทำอย่างไรให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุน ซึ่งต้องบอกว่าทาง TEAMG เคยนำเสนอรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ มาก่อนหน้า เพราะทาง TEAMG อยู่ในแนวทางผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ

“ทาง TEAMG จะมีโอกาสร่วมเข้าไปช่วย เพราะบริษัทมีนักวิชาการเฉพาะทาง และต้องเรียนว่าการที่จะทำผู้เดียวไม่สามารถทำได้ ต้องให้ทั้งประเทศช่วยกัน ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชน และสามารถสร้างงานอาจเกิดในพื้นที่ขึ้นมาใหม่  เช่นงานก่อสร้าง มีบริษัทรับเหมา มีแรงงาน และมีโอกาสทำให้ GDP ในประเทศเติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับสามารถดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนตามนโยบายของภาครัฐ” นายฐกร กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button