คัด 21 หุ้น รับอานิสงส์ 3 มาตรการรัฐฯ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” เม็ดเงินทะลักแสนล้าน!
โบรกแนะลงทุน 21 หุ้น รับอานิสงส์ 3 มาตรการภาครัฐ เช่น “Easy E-Receipt-แจกเงินหมี่น-บ้านเพื่อคนไทย” กระตุ้นเศรษฐกิจราว 1.1 แสนล้านบาท คาดหนุน GDP ไทยปี 68 เติบโตเกิน 3%
“สำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ของรัฐบาล 3 โครงการสำคัญ ได้แก่ 1.) โครงการ Easy E-Receipt 2.0 เพื่อการลดหย่อนภาษี ปี 2568 จะเริ่มระหว่างวันที่ 16 ม.ค. – 28 ก.พ.นี้ ใช้งบประมาณ 7 หมื่นล้านบาท 2.) โครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ 4 ล้านคน ซึ่งจะดำเนินการภายในวันที่ 27 ม.ค. และ เฟส 3 คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยใช้งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และ 3.) โครงการบ้านเพื่อคนไทย นำร่องในพื้นที่บางซื่อกม. 11, เชียงราก, สถานีธนบุรี และสถานีเชียงใหม่โดยเปิดให้ประชาชนจองซื้อวันที่ 17 ม.ค.นี้ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นของการผ่อนชำระอยู่ที่ 4,000 บาท/เดือน
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS ระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ประเทศในปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโต 3% และในปี 2569 คาดว่าจะเติบโต 4% โดยมีเป้าหมายเติบโตถึง 5% ในปี 2570 ตามที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Chat with Tony” ขณะที่ มาตรการเหล่านี้ต่างเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้บริษัทให้ตลาดหลักทรัพย์หลายกลุ่มได้รับประโยชน์
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในเบื้องต้นวันที่ 27 ม.ค. 2568 รัฐบาลจะมีการดาเนินการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” และได้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินจิตวิทยาบวกหุ้นค้าปลีกอิงฐานราก อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC รวมทั้ง กลุ่มเช่าซื้อ ที่รอบก่อนเห็นผลบวกการเก็บหนี้ปรับตัวดีขึ้น อาทิ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC และ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำตั้งรับ
นอกจากนี้ บล.กรุงศรี ยังระบุในบทวิเคราะห์ว่า รัฐบาลเตรียมเปิดขั้นตอนการยื่นแสดงเจตจำนงสำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทยในวันที่ 17 ม.ค.นี้ โดยคาดว่าการเปิดโครงการจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของซัพพลายที่อยู่อาศัยในตลาดจะทำให้เกิดการแข่งขันกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตลาดใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจมีผลลบต่อหุ้นในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ เช่น บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN และ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล เฟส 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเผยว่าเตรียมนำนโยบายดังกล่าว โดยจะเป็นการรับเงินสดก้อนเดียว 10,000 บาท ส่วนกลุ่มที่จะได้รับเงินนั้น คาดว่าจะมีช่วงอายุ 50 ปี หรือ 60 ปีขึ้นไป ประเด็นดังกล่าว รมช.คลัง คาดจะเป็นตัวสนับสนุนให้ GDP ในไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ระดับ 4.3-4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเสริมด้วยการอัดฉีดหลายมาตรการกระตุ้นที่เตรียมไว้ในช่วงปลายปี
ส่วนหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์และ Sentiment เชิงบวก คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร อาทิ CPF, CBG, OSP, ICHI และ M กลุ่มค้าปลีก อาทิ CPALL, CRC, BJC และ CPAXT รวมทั้ง กลุ่มเช่าซื้อ MTC และ SAWAD
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากมาตรการ Easy E-Receipt ช่วงวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 และ 1 หมื่นบาท เฟส 2 ในช่วง เทศกาลตรุษจีน แนะนํากลุ่มพาณิชย์ อาทิบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP รวมไปถึงกลุ่มท่องเที่ยว อย่าง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT