เปิดไทม์ไลน์ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 “ผู้สูงอายุ” เช็กสิทธิ์ 22 ม.ค.นี้

“เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง เผย 22 ม.ค.นี้ เปิดให้ตรวจสอบสิทธิ์ทางแอปฯ “ทางรัฐ” พร้อมย้ำ “ผู้สูงอายุ” ที่ได้สิทธิ์ เช็กสถานะ-เร่งผูกพร้อมเพย์ พร้อมรับโอนเงิน 27 ม.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ม.ค.68) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุ โดยภาครัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน แก่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ จำนวนประมาณ 4 ล้านคน ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.67

สำหรับคุณสมบัติกลุ่มเป้าหมาย ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตามมติครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.67 สำเร็จ

หรือลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet สำเร็จ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 ก.ย.67 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507) และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้

– ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566

– ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.67

– ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พ.ย.67

– ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พ.ย.67

– ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ

โดยสามารถตรวจสอบสิทธิ์การได้รับเงินในโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.68 เป็นต้นไป โดยกรอกบัญชีผู้ใช้หรือเลขประจำตัวประชาชน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” ให้เรียบร้อยก่อน และกด “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อเข้าสู่หน้าแสดงผลผู้มีสิทธิโครงการฯ

ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเงินในโครงการฯ จะได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากที่ผูกพร้อมเพย์ กับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น (ไม่สามารถรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกไว้กับเบอร์โทรศัพท์ได้) ซึ่งการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน สามารถผูกกับบัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้ โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นธนาคารของรัฐ

“ทั้งนี้ขอแนะนำให้ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22 ม.ค.68 เพื่อรอรับการจ่ายเงินในวันที่ 27 ม.ค.68”  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า กรณีผู้สูงอายุมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนอยู่แล้ว ควรตรวจสอบกับธนาคารด้วยว่าบัญชีดังกล่าวยังคงมีสถานะปกติที่สามารถรับเงินโอนได้หรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมรับเงินในวันที่ 27 ม.ค.68

ในกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่วันที่ 28 ก.พ., 28 มี.ค. และ 28 เม.ย. เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ

ทั้งนี้ผู้ได้รับสิทธิในโครงการฯ สามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงินว่า ตนได้รับโอนเงิน 10,000 บาท สำเร็จหรือไม่ ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ได้ในวันถัดจากวันที่รัฐจ่ายเงิน โดยจะแสดงผลการจ่ายเงินครั้งแรกในวันที่ 28 ม.ค.68

นายเผ่าภูมิ กล่าวเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุที่ประเมินว่าตนเองมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่ หรือหากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ขอให้ดำเนินการเพื่อให้พร้อมรับสิทธิตามโครงการฯ โดยสามารถติดต่อขอผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ในทันที อนึ่ง เงินที่รัฐสนับสนุนจำนวน 10,000 บาทต่อคน ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวมจำนวนประมาณ 4 ล้านคน สามารถนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตโดยไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายแต่อย่างใด

Back to top button