IFA ชี้ “กัลฟ์-อินทัช” เสนอซื้อหุ้น THCOM ราคา 11 บาท เหมาะสม

“บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง” เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มอง GULF ร่วม INTUCH เสนอซื้อ THCOM ทั้งหมดในราคา 11 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นราคาที่มีความเหมาะสม โดยมีระยะเวลาเสนอซื้อถึง 6 ก.พ. 2568


บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัทฯและบริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (GE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ร่วมกับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด ของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM (โดยไม่รวมหุ้นซึ่งผู้ทำคำเสนอซื้อถืออยู่) โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนการทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer)

ดังนั้น GULF, GE, INTUCH และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GULF (นายสารัชถ์ รัตนาวะดี) (รวมกันเรียกว่าผู้ทำคำเสนอซื้อ”) จึงประสงค์ที่จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ THCOM โดยสมัครใจ แบบมีเงื่อนไขก่อนการทำคำเสนอซื้อ (โดยไม่รวมหุ้น THCOM ซึ่งผู้ทำคำเสนอซื้อถืออยู่) เป็นจำนวน 645,187,220 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.86 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดใน THCOM ราคาเสนอซื้อ 11.00 บาท/หุ้น ระยะเวลาทำคำเสนอซื้อ วันที่ 25 ธ.ค. 2567 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2568

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้พิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ภายใต้ขอบเขต เงื่อนไข และข้อจำกัดตามที่ได้กล่าวมาแล้วในส่วนต่างๆ ของรายงานความเห็นฯ ฉบับนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่า ราคาเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ 11.00 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม โดยราคาเสนอซื้อนี้อยู่ในช่วงราคาที่ยุติธรรมที่ประเมินโดยวิธีการคิดลดกระแสเงินสด ซึ่งมีช่วงราคาประเมินมูลค่าหนี้สินของกิจการตามวิธีดังกล่าว เท่ากับ 10.94 – 14.62 บาทต่อหุ้น (ประกอบด้วยช่วงราคาประเมินมูลค่าหนี้สินของกิจการกรณี Base Case เท่ากับ 11.93 – 14.62 บาทต่อหุ้น และ Conservative Case เท่ากับ 10.94 – 13.38 บาทต่อหุ้น)

อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาราคาเสนอซื้อร่วมกับราคาซื้อขายหนี้สินของกิจการในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว หนี้สินของกิจการมีการซื้อขายในระดับราคาที่สูงกว่าราคาเสนอซื้อในครั้งนี้ที่ 11.00 บาทต่อหุ้น ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงขอแนะนำให้ผู้ถือหุ้นของกิจการที่มีความประสงค์จะขายหนี้สินของตน พิจารณาการดำเนินการใน 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1: หากในระหว่างระยะเวลาการรับซื้อหลักทรัพย์ ราคาตลาดสูงกว่าราคาเสนอซื้อ

ผู้ถือหุ้นควรปฏิเสธราคาเสนอซื้อ เนื่องจากสามารถขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาเสนอซื้อที่ 11.00 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นควรคำนึงถึงสภาพคล่องในการซื้อขายหนี้สินของกิจการด้วย เนื่องจากการขายหนี้สินในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปริมาณมาก อาจทำให้ผู้ถือหุ้นเสี่ยงที่จะขายหนี้สินในปริมาณและราคาที่ต้องการไม่ครบถ้วน

กรณีที่ 2: หากในระหว่างระยะเวลาการรับซื้อหลักทรัพย์ ราคาตลาดต่ำกว่าราคาเสนอซื้อ

ผู้ถือหุ้นควรตอบรับราคาเสนอซื้อ เนื่องจากราคาเสนอซื้อที่ 11.00 บาทต่อหุ้น อยู่ในช่วงราคาที่ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การตอบรับหรือปฏิเสธคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ถือหุ้นแต่ละรายเป็นสำคัญ ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247-4), ความเห็นของกิจการเกี่ยวกับคำเสนอซื้อ (แบบ 250-2), และความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระฉบับนี้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการตอบรับหรือปฏิเสธคำเสนอซื้อหลักทรัพย์

Back to top button