CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,340-1,360 จุด ชู 2 หุ้นเด่น CRC-KBANK
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ประเมินกรอบ SET วันนี้ จะแกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,360 จุด และ ระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งปธน. สหรัฐวันที่ 20 ม.ค.68 พร้อมแนะลงทุน 2 หุ้นเด่น CRC-KBANK
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงมาปิดแดนลบอีกครั้ง เพื่อรอรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มเติม สำหรับประเมินทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงสุนทรพจน์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า (20 ม.ค.68) และ การเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/67 ของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มเติม หลังรายได้ไตรมาส 4/67 ของ United Health ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ได้ฉุดราคาหุ้นลงกว่า -6.0% ขณะที่ผลประกอบการของ Morgan Stanley เพิ่มขึ้น 3.9% ออกมาสดใส
ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่ได้มีการเปิดเผยออกมานั้น ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยดัชนียอดขายปลีกเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.6% (vs. เดือนพ.ย. 0.8%) และ Core retail sales เติบโต 0.4% mom ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.5% (vs. เดือนพ.ย. 0.2%)
ขณะที่ Initial jobless claim เพิ่มขึ้น 14,000 คน สู่ระดับ 2.17 แสนคน สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.1 แสนคน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่ชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ที่เติบโตระดับ 44.3 สูงกว่าตลาดคาดที่ -5.0 (vs. เดือนธ.ค. -10.9) ส่งผลให้ตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มที่ Fed จะชะลอการลดดอกเบี้ย ท่ามกลางการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกผู้ว่าการ Fed ที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงมาที่ระดับ 4.62% ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 1.2%
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมาปิด -1.7% หลังมีคาดการณ์ว่ากลุ่มกบฏฮูตีอาจหยุดโจมตีเรือในทะเลแดง จากข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา รวมถึงแรงกดดันจากแนวโน้มการชะลอลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำหรับตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นวันนี้ติดตามรายงานตัวเลข GDP ของไตรมาส 4/67 ของจีน และข้อมูลเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเดือนม.ค. จาก IMF
โดยคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,360 จุด และ ระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งปธน. สหรัฐวันที่ 20 ม.ค.68 ขณะที่ปัจจัยในประเทศจะเริ่มมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร
โดยประมาณการจากธนาคารที่เราทำการศึกษาจะทำกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 เติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
นอกจากนี้ คาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 4/67 จากการบันทึกกำไรจากการเงินลงและกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งเรายังแนะนำ Neutral ในหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะคาดว่ากำไรก่อนตั้งสำรองจะเติบโตลดลง และมี ROE เพียง 9.0% ในปี 68-69
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยล่าสุด
1) ในงาน CPAXT Open House 2025 ได้เปิดเผยถึงแผนที่จะมุ่งเน้นการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยเรามองว่าการตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) ท่ามกลางสภาวะการบริโภคที่ชะลอตัว แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากแผนการควบรวมกิจการจะเป็นไปได้ แต่การเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงสินค้าและประสิทธิภาพอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
2) หลังการปราศรัยของนายทักษิณกรณีลดค่าไฟลงเหลือ 3.70 บาท/หน่วยที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไปแล้วนั้น ล่าสุด กกพ. เสนอลดค่าไฟทันที 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการขานรับจากภาคเอกชนออกมา
หุ้นแนะนำ
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เชื่อว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี 68 เพราะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนอกจากจะทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายของ CRC อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการแข็งแกร่ง รวมถึงมีปัจจัยบวกจากมาตรการ Easy E-receipt ที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้เป็นวันแรก (16 ม.ค.-28 ก.พ.68) (Take profit : 36.75 / Stop loss : 34.00)
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แนะนำหุ้น KBANK สำหรับการ Trading ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวน หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา -1.2% เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.68) รวมถึงเก็งกำไรก่อนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ (Take profit : 163.5 / Stop loss : 158.0)