PIS เทรดวันนี้! ลุ้นวิ่งชนเป้า 4.26 บาท ตอกย้ำหุ้น Growth Stock รายได้โตมั่นคง

หุ้นน้องใหม่ PIS ลงสนามเทรดวันนี้ โบรกเคาะเป้าสูง 4.26 บาท ตอกย้ำหุ้น Growth Stock ชูจุดเด่นปัจจัยพื้นฐานแน่น โฟกัสกลุ่มลูกค้าหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หนุนรายได้เติบโตมั่นคง พร้อมเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโปรเจ็กต์ภาครัฐที่มีมูลค่าสูงขึ้นตามแผน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ม.ค.68) หลักทรัพย์บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) เตรียมจดทะเบียนและเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า PIS

สำหรับ PIS เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY บริษัทดำเนินธุรกิจจัดหา จำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (ICT-Solutions) ครอบคลุมการบริการให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบพัฒนา ติดตั้ง รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้อง

ได้แก่ งานระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพแบบครบวงจร (Physical Security Solution) งานแอปพลิเคชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Application Solution) และงานบริการระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Integration Services) กลุ่มบริษัทได้เป็นพันธมิตรกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและกล้องวงจรปิดชั้นนำระดับโลก เช่น Dahua Hikvision Huawei Vmware และ Fortinet เป็นต้น ณ งวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายฯต่อรายได้จากการให้บริการคิดเป็นร้อยละ 59 : 41 โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ และ ณ วันที่ 30 ก.ย.67 มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบจำนวน 2,102 ล้านบาท

ทั้งนี้ PIS มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 270 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 89.69 ล้านหุ้น ผู้ลงทุนสถาบันไม่เกิน 15 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 21 ล้านหุ้น กรรมการ และผู้บริหารของบริษัทไม่เกิน 6.31 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของกลุ่ม SKY ไม่เกิน 8 ล้านหุ้น โดยเสนอขายผู้ลงทุนทุกประเภทระหว่างวันที่ 9 – 13 ม.ค.68 ในราคาหุ้นละ 3 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 420 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,620 ล้านบาท

สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 18.75 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึง 30 ก.ย.67 ซึ่งเท่ากับ 87.13 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.16 บาท โดยมีบริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) (PIS) เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มกราคม 2568 หุ้น PIS จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกในหมวดธุรกิจเทคโนโลยี (TECH) มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่ง รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามงานประมูลด้านไอซีทีของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในแต่ละปีมีการประมูลงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และด้วยประสบการณ์ของทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีโซลูชั่นครบวงจร และเป็นคู่ค้ากับภาครัฐและรัฐวิสาหกิจมายาวนาน ทำให้เพิ่มโอกาสในการได้รับงาน

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้  บริษัทฯมีแผนนำไปวางเป็นหลักค้ำประกันกับสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการออกหนังสือค้ำประกัน ให้กับงานโครงการ ในจำนวน 84 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานโครงการแก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 336 ล้านบาท

“การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ของ PIS ถือเป็นก้าวสำคัญในการ สร้างโอกาสเติบโตให้กับบริษัทฯ เพิ่มศักยภาพการประมูลงานเพิ่มมากขึ้น มากกว่า 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่เข้าประมูลงานโครงการมูลค่ามากกว่า 200 – 1,000 ล้านบาท ซึ่งเรามองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมไอซีทียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก สอดคล้องนโยบายรัฐที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล” นางสาวเบญญาภา กล่าว

นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PIS ถือเป็นหุ้น Growth Stock ที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ตามการขยายการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล สอดรับแผนและยุทธศาสตร์ 20 ปี และการยกระดับพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ทำให้มีความจำเป็นต้องจัดทำงบประมาณสำหรับ Upgrade หน่วยงานรัฐสู่ดิจิทัล ซึ่งเป็นโอกาสคว้าประมูลงานใหม่ของบริษัทฯ หนุนรายได้เติบโตอย่างมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีจุดเด่นและความแข็งแกร่งที่สำคัญจากการที่โฟกัสกลุ่มลูกค้าหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ทำให้แหล่งที่มาของรายได้มีความมั่นคง อีกทั้งกำไรยังมีความผันผวนน้อย เนื่องจากกว่า 40% ของรายได้ เป็นรายได้ประจำ (Recurring income)

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 9 เดือนปี 67 มีรายได้รวม 988.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.38% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 67.88 ล้านบาท

ทั้งนี้ PIS เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น ราคา 3.00 บาท/หุ้น มูลคาที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯในครั้งนี้

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS ว่า ฝ่ายวิจัยเลือกใช้วิธี P/E ในการประเมินมูลค่าเหมาะสม อิงกับ Peer บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET กลุ่ม ICT และ mai กลุ่ม TECH รวมถึงบริษัทที่เคยรับงานโครงการติดตั้งระบบเครือข่ายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้แก่หน่วยงานภาครัฐ และงานโครงการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO) เราประเมินมูลค่าโดยใช้ PER Multiple ที่ 16.0 เท่า ซึ่งเป็นค่ากลางระหว่างค่าเฉลี่ยของ Peer เทียบกับ EPS Growth (CAGR) ปี 68-69 ที่ +18.16% ซึ่งสอดคล้องกับ ROAE ที่อยู่ในระดับสูง 24.74% ได้ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 4.26 บาท

ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 106.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2.7% จากปีก่อน เติบโตไม่สูงเพราะความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณภาครัฐประจำปี ทั้งนี้บริษัทจะเติบโตต่อเนื่องในปี 68 เป็น 143.9 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น +34.7% จากปีก่อน และปี 69 เป็น 196.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +36.4% จากปีก่อน หรือเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยต่อปี (CAGR ปี 67-69) +23.6% มีปัจจัยหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่กลับเป็นปกติและโอกาสในการเข้าประมูลงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่มากขึ้น

โดยคาด 1) การเติบโตของรายได้จากการขาย และให้บริการ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (ปี 67-69) +29.8% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นงาน ICT Application Solution จัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่บนแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงกับระบบคลาวด์และ IoT และงานบำรุงรักษาระบบ (MA) ซึ่งมีทั้งงานต่อเนื่องจากลูกค้าเดิม และที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าใหม่ 2) สามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูง ตามสัดส่วนรายได้จากงานโครงการที่มีความซับซ้อน และรายได้จากการให้บริการที่มี margin ที่สูงกว่า รวมถึงการบริหารต้นทุนโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ

การเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) ครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ส่งผลให้มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวนทั้งสิ้น 270 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินทุนที่ได้รับไปใช้ 1) เป็นหลักค้ำประกันกับสถาบันการเงิน เพื่อใช้ในการออกหนังสือค้ำประกันให้กับงานโครงการ 2) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานโครงการแก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ/รัฐสาหกิจ

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ PIS ที่ 4.20 บาท อ้างอิง PER ปี 67 ที่ 16 เท่า ในขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ย CAGR 3 ปี 67-69  อยู่ที่ 21% หลังจากเพิ่มทุน IPO เพิ่มโอกาสรับงานโครงการภาครัฐ ซึ่งจะหนุนรายได้ในอนาคต ให้สอดคล้องกับสมมติฐานการเติบโตช่วงปี 67-69 เราคาดกำไรสุทธิของบริษัทฯมีอัตราการเติบโต CARG อยู่ที่ 21% ช่วงปี 67-69 อยู่ที่ 104 ล้านบาท ในปี 67, 143 ล้านบาทในปี 68 และ 184 ล้านบาทในปี 69  ปัจจัยหนุนมาจาก ICT Solutions ที่มูลค่า 2,102 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/67 จนถึงปี 69  โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพด้านไอทีเป็นหลัก

“PIS มีจุดแข็งจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นฐานรายได้สำคัญโดยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนี้คิดเป็น 99.94% ของรายได้รวม บริษัทฯให้บริการโซลูชันที่สอดคล้องกับนโยบาย Digital Thailand เช่น โครงการจัดหาระบบอ่านแผ่นป้ายทะเบียนอัตโนมัติครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ให้ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 4.10 บาท เราใช้ P/E เป้าหมาย 15.1x มี Premium 5% จากค่าเฉลี่ยกลุ่ม SI ที่ 14.4 เท่า เนื่องจากการมีฐานลูกค้าภาครัฐที่แข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ และรัฐอยู่ในช่วงลงทุนด้านนี้ ขณะที่การที่ PIS มี Recurring income จากงานบริการสูงกว่า 40% ของรายได้รวม ทำให้กำไรไม่จะผันผวน

ณ สิ้นไตรมาส 3/67 PIS มีงานในมือสูงถึง 2.1 พันล้านบาท กระจายรับรู้ใน 2-3 ปี ขณะที่แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี และการยกระดับพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เชื่อจะทำให้งบประมาณ upgrade หน่วยงานรัฐสู่ดิจิทัลจะมีหนาแน่นในระยะยาว เราคาดกำไรสุทธิปี 67-69  ไว้ที่ 120 ล้านบาท, 146 ล้านบาท และ 171 ล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ย +17.9% ต่อปี

PIS ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 โดยมุ่งเน้นกำรดำเนินธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้การปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Solutions) นอกจากนี้ ยังได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และผลิตภัณฑ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิดชั้นนำระดับโลก อย่าง Dahua Hikvision และ Huawei

โดย PIS เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยี (TECH) ในวันที่ 20 มกราคม 68 ราคาเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 3 บาท/หุ้น เป็นระดับราคาที่กำหนดอยู่บน P/E ที่ 18.75 เท่า ถือว่าต่ำกว่า P/E กลุ่มในตลาด mai ที่อยู่ที่ 27.71 เท่า

Back to top button