“เอกภาวิน” มอง SET ฟื้นตัว เน้นหุ้น “Domestic Play” รับมาตรการภาครัฐหนุน ชู CRC-CPALL
“เอกภาวิน” มอง SET ฟื้นตัว เน้น Domestic Play รับมาตรการภาครัฐหนุนชู CRC-CPALL เด่น พ่วงกลุ่มแบงก์แนะ TTB ลุ้นประกาศงบไตรมาส 4/67 โตแกร่งพ่วงปันผลเด่น พร้อมติดตามพิธีสาบานตน “ทรัมป์2.0” รับตำแหน่งปธน. พร้อมชี้นโยบายไม่ร้อนแรงเท่าครั้งแรก เพราะสถานการณ์และคู่ค้าเปลี่ยนแปลงไป
นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทย วันนี้ (20 ม.ค.68) ในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง มองเป็นจุดซื้อสะสมลงทุนระยะกลางและยาว ถ้าอิงกับ Earnings ในปีนี้ที่ระดับ 96-97 บาทต่อหุ้น และ SET ต่ำกว่า 1,350 จุด ลงมาแล้ว และเทรด P/E ที่ประมาณ 14 เท่า
นอกจากนี้ภาพของมาตรการของ “ทรัมป์” ที่วันนี้จะเข้าสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีและตลาดกังวลนโยบายการค้าและระหว่างประเทศ โดยมองจะเป็นภาพแบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นตลาดที่ปรับตัวลงมามีโอกาสฟื้นตัวกลับ และหากมองในอดีตที่ทำเคยเข้ารับตำแหน่งในช่วงครั้งแรกพอประกาศเรื่องนโยบายการค้าอีกประมาณเกือบ 1 ปีถึงจะเริ่มปฏิบัติงานได้
โดยมองคล้ายๆกัน ดังนั้นในช่วงแรกตลาดอาจจะมีความผันผวน แถวโซนแนวรับ 1,330 จุด เป็นจุดฟื้นตัว และมีแนวต้าน 1,360-1,370 จุด เป็นกรอบบน และหากสามารถทะลุผ่าน 1,380 จุด ได้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนทิศทาง ส่วนภาพทั้งปียังเหนือ 1,500 จุด ยังมีโอกาสได้เห็น
ส่วนมุมมองหลังจากที่ทำเข้ามารับตำแหน่งมองว่าผลจะไม่เท่าครั้งแรกที่ความสัมพันธ์ระหว่างการส่งออกของจีน และภาพเศรษฐกิจ หรือภาพ Earnings ตลาดหุ้นจีนมันสัมพันธ์กันมาก แต่พอหลังจากจีนโดนแบบนี้นี้แล้วเขาเริ่มปรับรูปแบและโครงสร้างเศรษฐกิจที่มันมีผลต่อ GDP และกำไรบริษัทในตลาดหุ้นมันเริมเปลี่ยนไป ล่าสุดภาพการส่งออกเหลือค่อนข้างน้อยและมีความสัมพันธ์น้อยมากกับ GDP และตลาดหุ้น
ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังน่าจะกังวลเพราะพึ่งพาการส่งออกจำนวนมาก ถ้าประเทศไทยโดนอาจจะส่งผลต่อ GDP ไทยราว 0.5% แต่ว่าผลน่าจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ หรือกระทบในมีหน้ามากกว่า และภาพ GDP น่าจะโตประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีนี้
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนให้เน้นกลุ่ม Domestic Play มากกว่า ส่วนกลุ่ม Global Play จะมีนโยบายภาครัฐเข้ามาแทรกแซง ส่วนกลุ่มปิโตรต้องรอเศรษฐกิจจีนเพราะการเป็นตัวอยู่ในช่วงค่อยเป็นไม่ค่อยเติบโตเด่นชัด ดังนั้นจะเห็น PTTGC รวมถึงโรงกลั่นที่มีปิโตรเคมี และ SCC ราคายังไม่ได้เป็นภาพของการฟื้นตัว ดังนั้นหากติดแล้วไม่ต้องซื้อเพิ่มอาจจะประสบปัญหาขาดทุนได้
ดังนั้นให้เพิ่มหุ้นในพอร์ตที่เป็นกลุ่ม Domestic Play โดยอิงการบริโภคที่ได้มาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) และ เงินหมื่นเฟส 2 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการบริโภค อาทิ กลุ่ม Commerce ,กลุ่มแบงก์,กลุ่มท่องเที่ยว ที่ราคาปรับตัวลงมาพอสมควรเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ อีกทั้งภาพการฟื้นตัวไม่มีความเสี่ยงในเรื่องปัจจัยภายและผลการดำเนินงานฟื้นตัวได้ดีด้วย แนะนำกลุ่มค้าปลีก CRC ได้ประโยชน์ภาคกระตุ้นการบริโภค แนวรับ 34 บาท เริ่มเข้าซื้อได้ และมีแนวต้าน 36 บาท และถัดไปที่ 38 บาท และเด่นสุดในกลุ่ม CPALL ภาพกำไรเติบโตทั้งไตรมาสก่อนหน้าและเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แนวรับ 56 บาท และแนวต้าน 57-58 บาท
นอกจากนี้กลุ่มแบงก์จะมีการประกาศผลการดำเนินงาน ถ้าภาพรวมไตรมาส 4/67 เทียบไตรมาสก่อนหน้าจะลดลง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจะเติบโตดี แนะนำ TTB มองกำไรกำไรเติบโต 50% ถ้าเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะมีเงินปันผลปี 67 ราว 1.06 บาทต่อหุ้นคิดเป็นยีลด์เกือบ 5% เด่นสุดในกลุ่มแบงก์
ด้านกลุ่มสื่อสารมองภาพการแข่งขันที่น้อยลงจากการควบกิจการมองจะส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมทั้ง ADVANC และ TRUE โดยแนะนำ TRUE มีลุ้นทดสอบไฮเดิม 11.70-11.80 บาท