TTB กำไรปี 67 โต 13% แตะ 2.1 หมื่นล้าน รับ NIM เพิ่ม-ตั้งสำรองลด

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 67 สิ้นสุด 31 ธ.ค.67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

ทั้งนี้ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นหนุนโดยการควบคุมต้นทุนทางการเงินที่ดีการบริหารต้นทุนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนด้านความเสี่ยง ซึ่งเป็นผลจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ควบคุม แม้ด้านรายได้จะยังเผชิญกับแรงกดดัน

ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ในปี 67 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 3.26 จากร้อยละ 3.24 ในปี 66 เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ การปรับสัดส่วนสินเชื่อไปยังสินเชื่อกลุ่มเป้าหมายที่ให้ผลตอบแทนดีขึ้น และแผนการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงลดลงร้อยละ 4.9 จากปีก่อน ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (C/I) ปรับตัวลงอยู่ที่ร้อยละ 43 ในปี 67 จากร้อยละ 44 ในปี 66 สะท้อนผลจากการปรับโมเดลธุรกิจสู่ DigitalFirst การมีวินัยด้านค่าใช่จ่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ควบคุม สะท้อนได้จากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLratio) ที่ร้อยละ 2.59 และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ ที่ลดลงร้อยละ 10.6 จากปีก่อน มาอยู่ที่ 19,852 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ 154 bps

ทั้งนี้ ด้วยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและการ บริหารจัดการความเสี่ยงที่รอบคอบ ธนาคารยังคงเดินหน้าเพิ่มความสามารถในการรองรับความเสี่ยงผ่านการตั้ง Management Overlay มาตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ส่งผล ให้อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (coverage ratio) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 151 หลังหักค่าใช้จ่ายสำรองฯ และผลประโยชน์ทางภาษี ทีทีบีมีกำไรสุทธิ 21,031 ล้านบาท ในรอบ 12 เดือน ปี 67 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ร้อยละ 9.0 ปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 8.2 ในปี 66 ณ สิ้นเดือนธ.ค.67 ธนาคารมีผลประโยชน์ทางภาษีคงเหลือเป็นจำนวน 10.6 พันล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้ได้ถึงปี 71 ทั้งนี้ การใช้ผลประโยชน์ทางภาษีจะทยอยรับรู้ตามการประมาณการรายได้ในอนาคต ไม่ได้ใช้วิธีรับรู้เท่ากันทุกปี (Straight-line basis)