SSP ลุยทยอย COD “พลังงานทดแทน” กำลังผลิต 410 MW ภายในปี 73

SSP เดินหน้าทยอย COD “โรงไฟฟ้าขยะ-วินด์ฟาร์ม-โซลาร์ฟาร์ม” กำลังผลิต 410 เมกฯภายในปี 73 ทั้งในและต่างประเทศ  หวังหนุนขยายพอร์ตตามเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก “EXIM BANK” ในการลงทุนพลังงานสะอาดวงเงิน 1,200 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจต่อไป


นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 1/2568 ผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาส 4/2567 ที่ผ่านมา รับปัจจัยบวกจากช่วงไฮซีซั่นของพลังงานลม ประกอบกับเข้าสู่โหมดการเติบโตรอบใหม่ หลังเริ่มทยอยเดินหน้าจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปถึงปี 2573 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 400 เมกะวัตต์

นายชยุตม์ กล่าวว่า โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานลม “วินด์ฟาร์ม” ในประเทศเวียดนามเมื่อปลายปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท และเป็นผู้ลงทุนไทยโรงเดียวในประเทศเวียดนามขณะนั้น ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2565 ซึ่งสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท

ต่อมาบริษัทฯชนะการประมูลในโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ในประเทศไทยเมื่อปี 2566 จำนวน 9 โครงการ รวมกำลังผลิต 170.50 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการทำ PPA ใหม่ โดยมีโครงการที่ได้ก่อสร้างมาแล้ว 2 ปี และจะดำเนินการ COD เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

ถัดมาในปี 2567 บริษัทฯ ได้ทำการเทคโอเวอร์ บริษัท วินชัย จำกัด โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ร่มเกล้าวินด์ฟาร์ม ขนาด 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร โดยหลังจากเทคโอเวอร์เมื่อในปลายไตรมาส 1/2657 ซึ่งยังไม่สามารถรับรู้รายได้ หลังจากนั้นค่อยๆ สามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป  ดังนั้นทำให้ปีที่ผ่านมาการรับรู้รายได้ไม่เต็มปี ทั้งนี้หากเทียบกับปี 2566 บริษัทฯ ยังถือหุ้นในสัดส่วนอยู่ที่ 75% ซึ่งโครงการสามารถทำรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และคาดว่าหลังจากเทคโอเวอร์เข้ามาช่วยให้รายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%

ขณะเดียวกันในปีนี้ เป็นปีที่เริ่มทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 บริษัทฯ เตรียม COD โครงการ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้

ถัดไปในไตรมาส 4/2569 บริษัทฯ เตรียม COD โรงไฟฟ้าขยะ 2 โรงในประเทศ ขนาดกำลังการผลิต 8.9 และ 8 เมกะวัตต์ ซึ่งจะผลิตไฟ 24 ชม. อีกทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ประเทศไต้หวัน ขนาดกำลังการผลิต 18.5 เมกะวัตต์ และโครงการวินด์ฟาร์ม ตั้งอยู่ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนลุยขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเตรียม COD ในไตรมาส 4/2570 โดยเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์ม 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ และ 64 เมกะวัตต์ ถัดมาอีก 1 โครงการโซลาร์ฟาร์ม จะเริ่ม COD ในไตรมาส 4/2571 ขนาดกำลังการผลิต 42.5 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการวินฟาร์มใต้หวัน ขนาดกำลังผลิต 38 เมกะวัตต์

อีกทั้งวางแผน COD ในไตรมาส 4/2573 โดยเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มอีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ และโครงการวินด์ฟาร์ม 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ผลดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงการพลังงานทดแทนสะสมรวม 410 เมกะวัตต์

นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มั่นใจกลยุทธ์การขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่จะเริ่มทยอย COD โครงการต่างๆ ตั้งแต่ปี 2568 ต่อเนื่องจนถึงปี 2573 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมองตลาดใหม่ๆ โดยมองเห็นโอกาสในต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้บริษัทมีโครงการในมือกว่า 400 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะแตะประมาณ 700 เมกะวัตต์ ภายในปี 2571

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีพัฒนาการเติบโตตามเป้าหมาย ทำให้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ “EXIM BANK” ให้การสนับสนุนการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ “กลุ่มเสริมสร้าง” จากผู้ค้ำประกันที่มีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AAA (tha) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยบอนด์รอบนี้เป็น (Green Bond) ทำให้เข้าถึงกลุ่มนักลงทุนสถาบันมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับบริษัทฯ โดยค้ำประกัน 100% ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย วงเงิน 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดจำหน่ายบอนด์ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ บ่งบอกถึงเครดิตบริษัทที่มีศักยภาพแข็งแกร่ง เพื่อขยายธุรกิจต่อไป

Back to top button