เริ่มแล้ว! “ทรัมป์” ลงนามคำสั่งสำคัญประกาศถอนตัว “ข้อตกลงปารีส” พร้อมเลิกคุม AI

“คนดัง-มหาเศรษฐี” แห่ร่วมยินดี “ทรัมป์” ในพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 พร้อมประเดิมงานแรกลงนามคำสั่งถอนตัวข้อตกลงปารีสว่าด้วยการลดโลกร้อน พ่วงอภัยโทษบุกคองเกรสกว่า 1,500 คน พร้อมเลิกคุม AI


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ตามเวลาท้องถิ่นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. “โดนัลด์ ทรัมป์” เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ณ อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ที่เต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ความยาวกว่า 30 นาที ท่ามกลางเสียงปรบมือจากผู้สนับสนุนทั่วประเทศ ทรัมป์ลั่นวาจา “ยุคทองของอเมริกากำลังจะเริ่มต้น”

โดยบรรยากาศในงานเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีดังกล่าวมีบุคคลสำคัญหลากหลายวงการร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ โดยพิธีการแรกสุดเริ่มจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับการประกอบพิธีทางศาสนาในโบสถ์เซนต์จอห์น ที่จตุรัสลาฟาแยต ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา และเป็นส่วนหนึ่งในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี จากนั้นโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนถัดไป และเมลาเนีย ทรัมป์ (Melania Trump) สตรีหมายเลข 1 คนต่อไป เข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่โบสถ์เซนต์จอห์น

ต่อมาโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนถัดไป และเมลาเนีย ทรัมป์ เดินทางเข้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อจิบน้ำชา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง โดยมี โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังพ้นวาระ และจิลล์ ไบเดน สตรีหมายเลข 1 ให้การต้อนรับ

จากนั้นเป็นพิธีสาบานตนซึ่งจัดขึ้นภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐ (The Capitol) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยมีอดีตประธานาธิบดีสหรัฐหลายคน และผู้นำจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม อาทิ อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน, อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน, อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช, อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ลอรา บุช และอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ โดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้ยังมีคนแวดวงธุรกิจ และบรรดามหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกและผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเข้าร่วมพิธีหลายคน ทั้ง มาร์ก ซักเคอร์เบิรก์ ,ซีอีโอ เมตา ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก, เจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอ แอมะซอน พร้อม ลอเรน ซานเชส คู่ชีวิต, ซุนดาร์ พิชัย  ซีอีโอ อัลฟาเบต หรือกูเกิล, ทิม คุก ซีอีโอ แอปเปิล และเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์) ซีอีโอแอลวีเอ็มเอช

อย่างไรก็ตามภายหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารชุดแรก ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญมากมาย ซึ่งรวมถึงการถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีสว่าด้วยการลดโลกร้อน

โดยทรัมป์นั่งที่โต๊ะพร้อมลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่อยู่ในแฟ้มท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของฝูงชนที่ให้การสนับสนุนเขา ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการดำเนินการตามแผนงานอันกว้างไกลเพื่อขยายอาณาเขตของอเมริกา ยับยั้งการอพยพ เพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล และยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมบอกด้วยว่าเขาจะลงนามคำสั่งเพิ่มเติมอีกเมื่อไปถึงทำเนียบขาว

สำหรับการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังพิธีสาบานตน โดยการถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีสอีกครั้งสะท้อนถึงจุดยืนเดิมของทรัมป์ ที่เคยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวมาแล้วในปี 2560 เมื่อเข้าสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก

สำหรับข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนในระยะยาวให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม หรือหากทำไม่ได้ตามเป้าหมายดังกล่าว ก็ให้คงอุณหภูมิไว้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้ลงนามในจดหมายถึงสหประชาชาติโดยระบุถึงความตั้งใจของสหรัฐที่จะถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีสที่มีการลงนามในปี 2015 ซึ่งอนุญาตให้ประเทศต่างๆ กำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายที่เข้มงวดมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยประเทศต่างๆ จะต้องกำหนดเส้นตายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สำหรับแผนงานใหม่ของแต่ละประเทศ เมื่อเดือนธันวาคม รัฐบาลไบเดนที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งได้เสนอแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐลงมากกว่า 60% ภายในปี 2578

คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงปารีสเป็นหนึ่งในข้อตกลงระหว่างประเทศจำนวนหนึ่งที่ไม่สะท้อนถึงค่านิยมของสหรัฐ และนำเงินภาษีของประชาชนสหรัฐไปใช้กับประเทศที่ไม่ต้องการหรือสมควรได้รับความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อประโยชน์ของชาวอเมริกัน

ขณะเดียวกันคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับแรกของทรัมป์เป็นการเพิกถอนนโยบายของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ควบคุมปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นอกจากนี้เขายังสั่งระงับการจ้างงานของรัฐบาลกลางและสั่งให้พนักงานของรัฐกลับไปที่สำนักงานแทนที่จะทำงานจากที่บ้าน ไม่นานหลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ เจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐได้สั่งปิดโครงการที่อนุญาตให้ผู้อพยพหลายแสนคนเข้าสหรัฐได้อย่างถูกกฎหมายโดยการนัดหมายผ่านสมาร์ทโฟน นัดหมายที่มีอยู่ถูกยกเลิก ขณะที่ในกระทรวงต่างประเทศ นักการทูตอาวุโสที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดกว่าสิบคนถูกขอให้ลาออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในวงกว้าง เพื่อแทนที่ข้าราชการที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดด้วยผู้ภักดีต่อทรัมป์

นอกจากนี้ทรัมป์ได้กล่าวอีกว่า จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก ส่งทหารไปที่นั่น และกลับมาใช้นโยบายบังคับให้ผู้อพยพที่ขอสถานะผู้ลี้ภัยรอการพิจารณาคดีของศาลสหรัฐในเม็กซิโก ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นปฏิบัติการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเนรเทศผู้อพยพหลายล้านคน

โดยทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายมากมายของรัฐบาลไบเดนขณะสาบานตน โดยมีไบเดนนั่งอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่นโยบายการโยกย้ายถิ่นฐานไปจนถึงการต่างประเทศ โดยระบุว่า “เรามีรัฐบาลที่ให้เงินทุนไม่จำกัดในการป้องกันพรมแดนต่างประเทศ แต่ปฏิเสธที่จะปกป้องพรมแดนอเมริกา หรือที่สำคัญกว่านั้นคือ ประชาชนของตนเอง”

นอกจากนี้ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าเขาจะออกคำสั่งยกเลิกโครงการความหลากหลายในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง และกำหนดให้รัฐบาลยอมรับการเข้าทำงานของบุคคลตามเพศสภาพเมื่อแรกเกิดเท่านั้น

อีกทั้งทรัมป์ยังได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้กับผู้สนับสนุนเขากว่า 1,500 คนที่ก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐในวันที่ 6 มกราคม 2016 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ทรัมป์ระบุว่า พวกเขาเป็นตัวประกันที่ต้องได้รับการอภัยโทษอย่างสมบูรณ์ และหวังว่าคนทั้งหมดจะได้ออกจากคุกในคืนวันเดียวกันนี้ เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง

Back to top button