เปิดโผหุ้น “ได้-เสีย” นโยบาย “ทรัมป์ 2.0” ประกาศภาวะฉุกเฉินพลังงานแห่งชาติ
บล.ดาโอ มองบวกหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า จากการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อลดราคาพลังงานใน US โดยตั้งเป้าลดราคาน้ำมันเบนซินและค่าไฟของชาวอเมริกันลงครึ่งหนึ่งภายในช่วงปีแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มพลังงานและกลุ่มส่งออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา (US) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าจะใช้อำนาจประธานาธิบดีลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อลดราคาพลังงานใน US โดยตั้งเป้าลดราคาน้ำมันเบนซินและค่าไฟของชาวอเมริกันลงครึ่งหนึ่งภายในช่วงปีแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะอนุมัติให้มีการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อน้ำมัน ตั้งโรงกลั่นน้ำมันใหม่ รวมถึงสร้างโรงไฟฟ้าใหม่
สำหรับราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเล็กน้อย วานนี้ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.8% เป็น 80.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นโยบายอื่นๆ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังมีการประกาศนโยบายในด้านอื่นๆอีกมากมาย โดยนโยบายที่สำคัญที่อาจจะกระทบต่อหุ้นที่เราดูแล คือ การยกเครื่องระบบการค้าของ US ด้วยการเก็บภาษีอากรจากต่างประเทศเพื่อสร้างความร่ำรวยให้ชาวอเมริกัน, การยกเลิกนโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส ซึ่งเป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นลบต่อแนวโน้มราคาพลังงานในระยะยาว โดยเชื่อว่าหากประธานาธิบดีทรัมป์สามารถดำเนินนโยบายได้ตามแผน จะส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบ ราคาก๊าซ LNG รวมถึง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ในระยะยาวได้เนื่องจากอุปทานที่สูงขึ้นในตลาดโลก
ทั้งนี้ มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยมีโอกาสที่ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกลดลง จากการผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติที่มากขึ้นของ US จะช่วยเพิ่มอุปทานในตลาดโลกมากขึ้น หุ้นที่ได้ positive sentiment จากประเด็นดังกล่าวคือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60.00 บาท , บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน หรือ GULF แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 60.00 บาท
ส่วนเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและกลุ่มส่งออก โดยโฉพาะกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น โดยมองว่าจะเป็นลบต่อราคาน้ำมันและก๊าซ LNG ในระยะยาวจากอุปทานที่ สูงขึ้น แต่จะส่งผลบวกต่อราคาก๊าซธรรมชาติ US (Henry Hub) ได้เนื่องจากอุปสงค์การส่งออกที่ สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน กลุ่มโรงกลั่นน่าจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้ม crack spread ที่อ่อนตัวตามอุปทานที่สูงขึ้น โดยในระยะยาว ทั้งนี้ มองเป็นลบต่อ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60.00 บาท, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน หรือ GULF แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 60.00 บาท