BM วางเป้ารายได้ปี 68 แตะ 2 พันล้านบาท โต 20% มั่นใจยอดส่งออกทะลัก
BM วางเป้ารายได้ปี 68 แตะ 2 พันล้านบาท โต 20% มั่นใจยอดส่งออกทะลัก พร้อมบริษัทตั้งงบลงทุนในปี 68 ไว้ที่ 200-400 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงานอีกสองแห่งในเขต Free Zone และเดินหน้าเจรจากับพาร์ทเนอร์อื่นๆ ในการส่งออก
นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นไปตามที่บริษัทคาดหมายไว้ รับปัจจัยบวกจากงานส่งออกหนุน ขณะที่แนวโน้มในปี 2568 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้แตะ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน
บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2568 ไว้ที่ 200-400 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงานอีกสองแห่งในเขต Free Zone รองรับการขยายตัวในงานส่งออกเป็นหลัก หลังจากโรงงานเขต Free Zone บนที่ดิน 25 ไร่ ในตำบลบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ มีกำลังการผลิตเต็มรูปแบบ อีกทั้งบริษัทยังมีการเจรจากับพาร์ทเนอร์อื่นๆ ในการส่งออกอย่างเช่น งานเฟอร์นิเจอร์ พวกเครื่องจักรกล พวกยานยนต์ไฟฟ้า สามล้อไฟฟ้า เพิ่มเติม ที่ผลิตส่งออกไปยังฮอลแลนด์ คาดว่าตู้คอนเทนเนอร์แรกจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคอยดูว่าตลาดจะเติบโตขนาดไหน เนื่องจากเป็นการเริ่มต้นของบริษัท
ขณะเดียวกันบริษัทฯจะมีการจับมือกับพวกประเทศต่างๆ หากมีการเจรจาสำเร็จ เพื่อดึงเข้ามาผลิตสินค้าในเมืองไทยจากที่เคยมีฐานอยู่ในเมืองจีน เช่นเดียวกันบริษัทพยายามผนวกเอาความร่วมมือจากการที่บริษัททำอยู่แล้วเช่นลูกค้าฝั่งญี่ปุ่นมากขึ้น และบริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนนอกเหนือจากเดิมๆ
นอกจากนี้บริษัทยังมีเจรจากับพันธมิตรที่สหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับตู้คอนโทรล พาแนล และตู้ผนังบอร์ด รวมถึงบริษัทมีการเตรียมตัวในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าทั้งหมด ในส่วนของการผลิตจะปรับเปลี่ยนไปจากเดิมเพื่อจะให้มีแบบใหม่เข้ามาโดยบริษัทได้นำเครื่องจักรใหม่เข้ามาแล้วเพื่อรองรับการผลิต ซึ่งจะเน้นไปกลุ่มประเทสญี่ปุ่นที่จะมีการเข้ามาลงทุนรถไฟฟ้าในประเทศไทย
นายธีรวัต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 คาดว่าการส่งออกจะเติบโตเฉลี่ยเดือนละ 100 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2567 ที่ผ่านมา โดยสามารถชดเชยยอดขายในประเทศที่อยู่ในช่วง 500-600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อไป
ดังนั้น ทาง BM จึงมั่นใจว่าจะเดินหน้าตามนโยบายที่บริษัทถนัด โดยมีเครื่องมือและเครื่องจักรพร้อม รวมถึงทักษะและบุคลากรที่มีอยู่แล้ว จึงพร้อมที่จะขยายตลาดและบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและพยายามลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในเรื่องของค่าเงินว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายเหมือนในปีหรือสองปีที่ผ่านมา จึงได้วางแผนปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น