CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,335-1,360 จุด ชู 2 หุ้นเด่น DELTA-ERW

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวพุ่งขึ้น โดยดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ หลังประธานาธิบดี ทรัมป์กล่าวในงาน WEF เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกลุ่มซาอุดีอาระเบีย-OPEC ลดราคาน้ำมันที่เป็นแหล่งรายได้ของรัสเซียลง เพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ถ้อยแถลงของทรัมป์ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำปรับตัวลดลง -0.2% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงมาระดับ 4.6% รวมถึงเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดบวก

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กล่าวว่าเขาจะทำการผ่อนคลายกฎระเบียบและปรับลดอัตราภาษีเพื่อเอื้อต่อภาคธุรกิจและจะช่วยกระตุ้นตลาดสหรัฐ รวมถึงยังได้ออกมาสนับสนุนการเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงาน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ AI ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง CEG, AES, VST ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากหุ้น American Airlines (-8.7%) หลังคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1/68 ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด

คำพูดของทรัมป์ ประกอบกับรายงานสินค้าคงคลังน้ำมันดิบจาก EIA ที่ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล กดดันให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากว่า 1%

โดยวันนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญอย่างดัชนี PMI ภาคการผลิต-การบริการ และ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. เพื่อประเมินทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมสัปดาห์หน้า (29 ม.ค.68) รวมถึงจับตาการประชุม BOJ ที่ตลาดคาดว่าจะมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.5%

โดยทางฝ่ายวิจัยคาดว่า SET Index จะรีบาวด์ เคลื่อนไหว Sideway บริเวณ 1,335-1,360 จุด ขานรับ Sentiment บวก ที่ทรัมป์เรียกร้องให้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และ จะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของดอลลาร์

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยมองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานไฟฟ้าจะได้รับอานิสงค์ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ หลังทรัมป์ออกมาสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจ AI และ การปรับลดราคาน้ำมันลงซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ-โรงกลั่นให้ปรับตัวลดลงแทน

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ แม้ว่ารายงานตัวเลขส่งออกไทยเดือนธ.ค. ยังคงขยายตัวและมีมูลค่าการส่งออกปี 2024 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการที่สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยและไทยมีการเกินดุลกับสหรัฐสูงขึ้น นับเป็นอันดับสองของอาเซียนรองจากเวียดนาม ส่งผลให้ไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรของทรัมป์

อีกทั้งการที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีน 10% อาจทำให้ไทยที่มีการขาดดุลการค้ากับจีนอยู่แล้ว เผชิญกับปัญหาสินค้าจีนไหลทะลักเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) วานนี้ อาจนำไปสู่การเจรจา FTA กับ EU ซึ่งคิดเป็นตลาดส่งออกของไทยสัดส่วน 8.1% ในปี 67 ได้

หุ้นแนะนำ

บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA แนะนำการ Trading ในหุ้นอย่าง DELTA จากการเติบโตของธุรกิจ Data Centre และ AI โดยเฉพาะหลังทรัมป์ประกาศการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจนี้ออกมา (Take profit : 152.5 / Stop loss : 145.0)

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW แม้ว่าจะมีข้อกังวลต่อการท่องเที่ยวของไทยหลังเกิดกรณีลักพาตัวชาวจีนเมื่อเร็วๆ นี้ แต่เรามองว่าความต้องการโรงแรมยังคงแข็งแกร่ง จากโมเมนตัมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนยังคงสดใส และเราคาดว่า ERW จะมีแนวโน้ม ADR เชิงบวกในปี 68 (Take profit : 3.46 / Stop loss : 3.26)