เปิดหุ้น “ได้-เสีย” ประโยชน์ “ทรัมป์” กล่าวสุนทรพจน์งาน WEF

เปิดหุ้น "ได้-เสีย" ประโยชน์ "ทรัมป์" กล่าวสุนทรพจน์ WEF 5 ประเด็นหนุนสหรัฐฯ “ฮับ AI-ลดเงินเฟ้อ-เร่งผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล-ลดภาษี-กดดัน “เฟด” หั่นดอกเบี้ย โบรกชี้เป็นบวกหุ้นโรงไฟฟ้า-ไฟแนนซ์-หนี้ต่างประเทศสูง-มีธุรกิจในสหรัฐ พร้อมมองเป็นลบ “กลุ่มพลังงาน-แบงก์”


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์ที่คาดว่าได้-เสียประโยชน์จากประเด็นการกล่าวสุนทรพจน์ของ “ทรัมป์” ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์หลายประเด็น อาทิ 1.จะทำให้สหรัฐเป็นศูนย์กลาง AI, 2. ผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลง,3.กระตุ้นการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิลในสหรัฐ,

4.ทำการผ่อนคลายกฎระเบียบ และปรับลดอัตราภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา และ 5. เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยทันที โดยประเด็นดังกล่าวบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ได้ระบุในบทวิเคราะห์ไว้ดังนี้

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(24 ม.ค.68) ว่า วานนี้ประธานาธิบดี “ทรัมป์” ได้ประกาศสุนทรพจน์แสดงความต้องการให้สหรัฐอเมริกา (US) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันทีและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกควรปรับลดลงตาม US ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC ปรับลดราคาน้ำมันเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมุ่งผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลง และกระตุ้นการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิลในสหรัฐ

ทั้งนี้วานนี้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.9% เป็น 78.3 เหรียญ/บาร์เรล กระตุ้นให้มีการย้ายฐานผลิตไปสหรัฐโดยการลดภาษี ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเชื้อเชิญให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนในสหรัฐโดยสัญญาว่าจะปรับลดอัตราภาษีครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐให้ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

ขณะเดียวกันวานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบกับมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ดบินซัลมานของซาอุดิอาระเบียเพื่อปรึกษาหารือการลงทุน USD600bn ในสหรัฐของซาอุดิอาระเบียในช่วง 4 ปีข้างหน้า (ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวสนับสนุนการลงทุนสูงขึ้นถึง USD1.0tn) (Source: Reuters, Bloomberg)

โดย DAOL มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า, ไฟแนนซ์, บริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูง,บริษัทที่มีธุรกิจในสหรัฐ 

-กลุ่มโรงไฟฟ้า: เป็นบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้า การผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติที่มากขึ้นของสหรัฐ เพิ่ม supply ในตลาดโลกมากขึ้น มีโอกาสที่ราคาก๊าซฯในตลาดโลกลดลง นอกจากนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงรวมถึงลดแรงกดดันผลตอบแทนโครงการในอนาคต เป็นบวกกับกลุ่มไฟฟ้า หุ้นในการดูแลของเราที่ได้ positive sentiment จากประเด็นดังกล่าวคือ GPSC แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 60.00 บาท, BGRIM แนะนำซื้อราคาเป้า 35.00 บาท, GULF แนะนำถือเป้า 60.00 บาท

-กลุ่มไฟแนนซ์: มองเป็นบวกต่อแนวโน้มต้นทุนทางการเงินที่จะลดลง (TIDLOR, MTC, SAWAD)

บริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูง: มองเป็นบวกต่อบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูงๆ เพราะทำให้ภาระทางการเงินลดลง หุ้นในการดูแลของเราที่ได้ positive sentiment จากประเด็นดังกล่าวคือ BCP แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 40.00 บาท), IVL แนะนำถือราคาเป้าหมาย 26.00 บาท), BANPU แนะนำขายราคาเป้า 5.00 บาท

-บริษัทที่มีธุรกิจในสหรัฐ :มองเป็นบวกต่อบริษัทที่มีธุรกิจในสหรัฐจากค่าใช้จ่ายทางภาษีที่ลดลง คือ EPG แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 4.50 บาท จะได้ผลบวกจากธุรกิจ Aeroflex มีโรงงานผลิตฉนวนกันความร้อนและเย็น ตั้งอยู่ในสหรัฐคิดเป็นสัดส่วน

รายได้ราว 15% และ TU แนะนำถือเป้า 14.50 บาท ได้ผลบวกเล็กน้อยจากธุรกิจของบริษัทที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน effective tax rate ของกลุ่มบริษัทต่ำอยู่แล้วที่ราว 9% และบริษัทยังเข้าข่ายเกณฑ์ global minimum tax ทำให้เรามองเป็นบวกจำกัด

นอกจากนี้ DAOL มองเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและธนาคาร 

-กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น: มองว่าจะเป็นลบต่อราคาน้ำมันและก๊าซ LNG ในระยะยาวจากอุปทานที่สูงขึ้น แต่จะส่งผลบวกต่อราคาก๊าซธรรมชาติสหรัฐ ได้เนื่องจากอุปสงค์การส่งออกที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน กลุ่มโรงกลั่นน่าจะ

ได้รับผลกระทบจากแนวโน้ม crack spread ที่อ่อนตัวตามอุปทานที่สูงขึ้น โดยในระยะยาวมองเป็นลบต่อ PTTEP แนะนำซื้อเป้า 160.00 บาท), TOP แนะนำซื้อเป้า 36.00 บาท, SPRC แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 8.50 บาท), BCP แนะนำซื้อราคาเป้าเป้า 40.00 บาท)

-กลุ่มธนาคาร:มองว่าเป็นลบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งจะกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยของกลุ่ม โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KTB, KBANK,SCB) อย่างไรก็ดีประมาณการกำไรปี 2567 ได้รวมการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว 0.25%

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า การประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เรื่องหลักที่มีผลต่อตลาดหุ้น คือ ฝั่งสหรัฐ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวมี 5 เรื่องหลักคือ

1.จะทำให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางของปัญญาประดิษฐ์ (AI) มองบวกต่อหุ้น Tech ในสหรัฐ และกลุ่มชิ้นส่วนในไทย อาทิ DELTA, HANA และ Cryptocurrency มองบวกต่อราคา Bitcoin ประเมินแนวต้านทางจิตวิทยาคือ โซน 110,000+-โดยมองบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยง Cryptocurrency อาทิ BTC , JTS, TTA

2.) ผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลง KSS ประเมินจะเห็นมาตรการสนับสนุนค่าครองชีพ ลดราคาพลังงานในประเทศ มองบวกต่อการบริโภคในสหรัฐ และประเมินจะทำให้สหรัฐไม่เร่งขึ้นภาษีนำเข้า หรือไม่ปรับขึ้นภาษีในระดับสูง กับจีนและประเทศที่สหรัฐขาดดุล อาทิ ไทย โดยรวมประเมินความเสี่ยง Downside ต่อการค้าโลกลดลง มองบวกต่อตลาดหุ้นเอเซีย จีน และไทย และบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Global Play China play ระยะกลาง-ยาว

3.) กระตุ้นการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิลในสหรัฐ ประเมินจะทำให้ Supply ออกมาในระยะถัดไป เป็นจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อราคาพลังงาน น้ำมันดิบ มองเป็นจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ

4.ทำการผ่อนคลายกฎระเบียบ และปรับลดอัตราภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ซึ่งจะทำให้สหรัฐมีอัตราภาษีภาคธุรกิจที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อทำให้สหรัฐกลายเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตของโลก มองเป็นบวกต่อหุ้นสหรัฐ ผ่านกำไรบริษัทในสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บวกต่อหุ้นไทยที่มีฐานผลิตในสหรัฐ อาทิ IVL, BANPU

  1. เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยทันที และเช่นเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยควรมีการปรับลดลงทั่วโลกตามเรา หนุนมุมมองดอกเบี้ยขาลง บวกต่อหุ้นการเงิน โรงไฟฟ้า
Back to top button