ม.หอการค้าฯ คาด “ตรุษจีน 68” เงินสะพัด 5.17 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี
คึกคักกว่าปีที่แล้ว! ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภค ตรุษจีนปี 2568 คาดเงินสะพัดกว่า 51,787 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ม.ค.68) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568 พบว่า ในภาพรวมผู้บริโภคส่วนใหญ่ เชื่อว่าเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมีผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาในช่วงปลายปี 2567 ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น
โดยคาดว่าเม็ดเงินจากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะอยู่ที่ราว 51,787.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.50% ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปี และเป็นมูลค่าที่ขึ้นไปแตะระดับ 50,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19
ด้านนางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,283 คนทั่วประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 36.3% เชื่อว่าบรรยากาศตรุษจีนปีนี้จะคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับความเห็นต่อมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ส่งผลต่อการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนพบว่า ส่วนใหญ่ 62.4% ตอบว่า “ไม่มีผล” ขณะที่ 30.9% ตอบว่า “ใช้เพิ่มขึ้น” และที่เหลืออีก 6.7% ตอบว่า “ใช้เพิ่มมากขึ้น”
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “โอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2” ให้กับผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปนั้น กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 46.3% เชื่อว่าไม่มีผลเปลี่ยนแปลง รองลงมา 39.8% เชื่อว่าจะมีผลช่วยให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น และอีก 13.9% เชื่อว่ามีผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้นมาก
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้ที่ 2.0-2.5% ซึ่งต่ำกว่าปี 2567 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5-2.7% ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ปี 2567 อย่างเป็นทางการจาก สภาพัฒน์ จะแถลงในวันที่ 17 ก.พ.68)
“ส่วนใหญ่มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ มีผลช่วยแน่ในระยะสั้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปีนี้ เห็นการฟื้นตัวแน่นอน แต่ในช่วงไตรมาส 2 จะเป็นจุด check point ซึ่งจะเริ่มเห็นชัดเจนว่านโยบายทรัมป์ 2.0 จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทยบ้าง” นายธนวรรธน์ ระบุ
นอกจากนี้ ยังประเมินผลกระทบกรณี “ดาราจีน” ถูกลักพาตัวบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยมองว่าไม่กระทบท่องเที่ยวไทยรุนแรง เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการเรียกความเชื่อมั่นได้รวดเร็ว ขณะเดียวกันได้คาดการณ์ขนาดผลกระทบไว้ 3 กรณี หากเกิดเหตุการณ์และมีผลกระทบ 1 เดือน จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไป 34,000 คน รายได้หายไปประมาณ 1,650 ล้านบาท, หากกระทบ 2 เดือน นักท่องเที่ยวจีนจะหายไป 102,301 คน รายได้หายไปประมาณ 4,962 ล้านบาท และกรณีแย่ที่สุดนักท่องเที่ยวจะหายไปเกือบ 3 แสนคน รายได้หายไปกว่า 14,000 ล้านบาท