TOP รับเงินเคลม “พันธบัตรประกัน” 1.23 หมื่นล้าน ตามสัญญาจ้างเหมาโครงการ CFP

TOP รับเงินเคลม “พันธบัตรประกัน” ผ่านธนาคาร 1.23 หมื่นล้าน ตามสัญญาจ้างเหมาโครงการ CFP กับ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ an unincorporated joint venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) ตามสัญญาฯ ฟาก บล.กรุงศรีชี้ TOP โอกาสบันทึกเงินชดเชยเป็นรายการพิเศษในไตรมาส 1/68 พร้อมส่งให้ประมาณการกำไรปี 68 มี upside ไม่ต่ำกว่า 79%


นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่าผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อ เรื่องการเปิดเผยข้อมูลของ Samsung E&A ต่อตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับ การชำระเงินเนื่องจากการที่ “ไทยออยล์” ในฐานะเจ้าของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ได้มีการบังคับหลักประกันสำหรับโครงการนั้น

บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้บังคับหลักประกันภายใต้สัญญาจ้างเหมาทำของการออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และ การก่อสร้าง (EPC Contract) ระหว่างบริษัทฯ และ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ an unincorporated joint venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) ตามสัญญาฯ และเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 12,339 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อผลักดันโครงการให้เดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด

อนึ่งข่าวอ้างอิงเว็บไซต์ของ SAMSUNG E&A ที่มีการแจ้งเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ระบุว่า ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับบริษัท ไทย ออยล์ จำกัด (มหาชน)หรือTOPเจ้าของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP)ในประเทศไทย ประกาศการใช้สิทธิตามการรับประกันผลงาน (Performance Bond) โดยเรียกใช้พันธบัตรประกัน (Bond Call) คิดเป็นประมาณ 86% ของมูลค่ารับประกันทั้งหมด ที่กิจการ่วมการค้า UJV (Samsung, Petrofac และ Saipem) หรือ UJV ได้ทำสัญญาไว้กับ TOP และได้ชำระคืนให้กับธนาคารที่ออกพันธบัตรเป็นจำนวนเงินรวม 88,800 ล้านวอน (หรือคิดเป็นประมาณ 2 พันล้านบาท) โดยคำนวณตามอัตรามาตรฐาน ณ วันที่ 16 มกราคม 2568 (USD/KRW 1,460.20 และ EUR/KRW 1,502.84)

ขณะเดียวกันที่ประชุม SAMSUNG E&A ยังอนุมัติการชำระเงินให้กับบริษัทไทยอีกจำนวน 57,600 ล้านวอน (หรือคิดเป็นประมาณ 1.35 พันล้านบาท) รวมมูลค่าการชำระทั้งหมดอยู่ที่ 146,400 ล้านวอน (หรือคิดเป็นประมาณ 3,400 ล้านบาท) โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ได้สะท้อนในงบกำไรขาดทุนรวมของไตรมาส 4 ปี 2567 แล้ว

นอกจากนี้ SAMSUNG E&A มีแผนเจรจากับผู้ว่าจ้างเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าของสัญญา ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในโครงการ Clean Fuel Project รวมถึงการใช้สิทธิเรียกร้องหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญานี้ และวางแผนที่จะยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการหากจำเป็น

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)ระบุว่า TOP อยู่ระหว่างปรับประมาณการรวมการได้เงินชดเชย จากเดิม คงน้ำหนักการลงทุนราคาเป้าหมาย 28 บาท มองเป็นโอกาสซื้อเก็งกำไร upside อยู่ที่ 5-7.6 บาท/หุ้น จากมูลค่าเงินชดเชยที่อาจได้รับจากข่าว; Samsung E&A หนึ่งใน UJV ที่เป็น Turnkey EPC โครงการ CFP ยอมจ่ายเงินทดแทนให้กับธนาคารที่ออกพันธบัตรค้ำประกัน (performance bond) ตามที่ TOP ใช้สิทธิเรียกร้องพันธบัตรส่วนหนึ่งของพันธบัตรที่ค้ำประกันจำนวน 8.8 หมื่นล้านวอนฯ หรือราว 2.1 พันล้านบาท เหลือยอดเงินที่ต้องจ่ายอีก 5.8 หมื่นล้านวอนฯ หรือราว 1.4 พันล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสอบถามบริษัทเพิ่มเติมทาง TOP ได้เงินจากธนาคารจากการยึดออกพันธบัตรค้ำประกันบางส่วนคาด 65-70% ของมูลค่าที่บริษัทมีสิทธิ์เรียกร้องทั้งหมด 1.7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น upside ไม่ต่ำกว่า 5 บาทต่อหุ้น (ทางฝ่ายวิจัยคาดมูลค่าออกพันธบัตรค้ำประกันทั้งหมดกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท หรือราว 7.6 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม คาดบริษัทมีโอกาสบันทึกเงินชดเชยเป็นรายการพิเศษในไตรมาส 1/68โดยคาดมูลค่าเงินชดเชยจะส่งให้ประมาณการกำไรปี 68 มี upside ไม่ต่ำกว่า 79%

Overhang การหาผู้รับเหมาฯยังคงอยู่ แต่สถานการณ์ที่ดีขึ้นคือยึดออกพันธบัตรค้ำประกัน ส่วนใหญ่ได้สำเร็จ เป็นโอกาสเก็งกำไร upside จากเงินชดเชย และ upside ของกำไร

Back to top button