WTI สัปดาห์นี้ร่วง 4% หลัง “ทรัมป์” เรียกร้อง “โอเปก” ลดราคาน้ำมัน

WTI ปรับตัวลดลง 4.1% ในรอบสัปดาห์นี้ หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกปรับลดราคาน้ำมันดิบลง


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (24 ม.ค.) แต่ลดลงในรอบสัปดาห์นี้หลังจากปรับตัวขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศแผนการใหญ่ที่จะเพิ่มการผลิตภายในประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ดำเนินการเพื่อปรับลดราคาน้ำมันดิบลง

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 2.8% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ลดลง 4.1%

ทรัมป์ ระบุย้ำเมื่อวันศุกร์โดยเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกปรับลดราคาน้ำมันลงเพื่อให้มีผลกระทบต่อการเงินของรัสเซียที่พึ่งพาน้ำมันและช่วยยุติสงครามในยูเครน

เมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวกับที่ประชุม World Economic Forum ว่า เขาจะเรียกร้องให้โอเปกและซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้นำโอเปกโดยพฤตินัย ให้ปรับลดราคาน้ำมันดิบลง

กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงรัสเซียยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำเรียกร้องดังกล่าว โดยผู้แทนจากกลุ่มระบุถึงแผนการที่มีอยู่แล้วในการเริ่มเพิ่มการผลิตน้ำมันตั้งแต่เดือนเม.ย.

ผมไม่คาดว่าโอเปกจะปรับเปลี่ยนนโยบาย เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านปัจจัยพื้นฐาน ตลาดจะค่อนข้างซบเซา จนกว่าเราจะได้ความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการคว่ำบาตรและภาษี”  โจวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จากยูบีเอส กล่าว

ปรียังกา ซัชเดวา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจากบริษัทฟิลลิป โนวากล่าวว่า แม้ปัจจัยหนุนเชิงบวก เช่น การลดลงอย่างมากของสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ จะสร้างแรงหนุนชั่วคราว แต่ตลาดน้ำมันโลกที่มีอุปทานล้นตลาด และการคาดการณ์ความต้องการที่ลดลงของจีนนั้น ก็ยังคงกดดันราคาน้ำมัน

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 65 โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

Back to top button