“กลุ่มโรงพยาบาล” ปักเป้ารายได้ปี 68 โตแกร่ง ประกันสังคมหนุน-ยอดผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง
บล.กสิกรไทย มองบวกหุ้น “กลุ่มโรงพยาบาล” คาดรายได้เติบโตในปี 68 เน้นแผนขยายธุรกิจ ประกันสังคมหนุน รับอุปสงค์คนไข้จากต่างประเทศ พร้อมแนะนำ “ซื้อ” PR9 เป้าหมาย 28 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ วันที่ 22 ม.ค.68 ว่า มีมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวังต่อกลุ่มโรงพยาบาล ขณะที่ทุกโรงพยาบาลมีมุมมองเชิงบวกทต่อรายได้ที่จะเติบโตในปี 2568 แต่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG และ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH ให้มุมมองที่ระมัดระวังจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนไข้แบบชำระเงินเอง ขณะที่ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH และ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยต่างชาติยังมีมุมมองเชิงบวกต่ออุปสงค์ของคนไข้จากต่างประเทศ
อีกทั้งผลกระทบจาก copayment ต่ำ โดยโรงพยาบาลทั้ง 5 แห่งคาดว่าแผนประกันสุขภาพแบบร่วมจ่ายจะส่งผลกระทบจำกัดต่อรายได้ โดย รพ. ส่วนใหญ่รายได้จากประกันสุขภาพมีสัดส่วน 25-30% ยกเว้น BDMS มีรายได้จากประกันสุขภาพสูงถึง 37% ของรายได้โรงพยาบาลรวม แม้จะมีสัดส่วนรายได้จากการประกันสูงที่สุด แต่ BDMS ระบุว่ามีเพียง 1-2% ของรายได้รวมเท่านั้นที่น่าจะได้รับผลกระทบจากเงื่อนไขร่วมจ่าย นอกจากนี้ รพ. ส่วนใหญ่เชื่อว่าแผนร่วมจ่ายจะช่วยขยายฐานผู้เอาประกันได้ และมีโอกาสทำให้คนไข้ย้ายการใช้ รพ. ที่มีค่ารักษาพยาบาลสูงไปยังโรงพยาบาลที่มีค่ารักษาพยาบาลต่ำ
ทั้งนี้การแข่งขันไม่ได้เป็นประเด็นกังวล อีกทั้งมองความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่ำ โรงพยาบาลทุกแห่งเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถในการแข่งขันในตลาด จากความเป็นรพ.เครือข่ายหรือทำเลที่ตั้ง ในขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งตั้งเป้าที่จะเปิดโรงพยาบาลใน จ.ระยอง แต่ความต้องการน่ามีมากเพียงพอที่จะรองรับอุปทานที่เพิ่มขึ้น โรงพยาบาลเหล่านี้ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบจากกระทรวงสาธารณสุขหรือกรมการค้าภายใน
นอกจากนี้แผนขยายธุรกิจใน 3-5 ปี โรงพยาบาลทุกแห่งมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการโดยเปิดโรงพยาบาลใหม่หรือขยายกำลังการรักษาที่มีอยู่ สำหรับ EKH และ CHG กำลังมองหาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโรงพยาบาล ทั้งนี้ BDMS, EKH, BCH และ CHG มีแผนเปิดโรงพยาบาลใหม่หรือขยายโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิมในปี 2568-69 ส่วน RJH เพิ่งเปิดโรงพยาบาลใหม่ในช่วงปลายปี 2567
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2567 และเป้าการเติบโตรายได้ปี 2568 รายได้ไตรมาส 4/2567 ของโรงพยาบาลทั้ง 5 แห่งมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีเพียง BDMS เท่านั้นที่ให้แนวทางว่ารายได้น่าจะเติบโตเล็กน้อย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ CHG และ EKH ให้แนวทางว่ารายได้จะทรงตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน BCH และ RJH มองว่ามีโอกาสลดลง เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับโรงพยาบาลที่ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีแนวโน้มว่า BCH, CHG และ RJH จะบันทึกรายได้ผู้ป่วยต้นทุนสูงในครึ่งหลังของปี 2567 ที่อัตรา 8,000 บาท/RW และจะปรับปรุงผลกระทบของรายได้ผู้ป่วยต้นทุนสูงที่บันทึกไปแล้วในไตรมาส 3/2567 ที่ 12,000 บาท/RW ในไตรมาส 4/2567 เช่นกัน และมีเพียง RJH ที่น่าจะมีรายการผลประโยชน์ทางภาษีในไตรมาส 4/2567 นอกจากนี้ มีเพียง EKH, RJH และ BCH เท่านั้นที่เปิดเผยเป้าการเติบโตของรายในปี 2568 ที่ 7%, 10% และในอัตราเลข 2 หลัก ตามลำดับ
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยมี บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เป็นหุ้นเด่น และให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 28 บาท โดยข้อมูลที่ได้จาก “Hospital Day” ของฝ่ายวิเคราะห์สะท้อนให้เห็นว่ารายได้ของโรงพยาบาลน่าจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แม้ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจในประเทศบางส่วน ส่วนแผนประกันร่วมจ่ายก็น่าจะมีผลกระทบจำกัด และไม่มีความกังวลด้านการแข่งขันและกฎระเบียบ
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 น่าจะมีแนวโน้มอ่อนตามแนวโน้มรายได้ ขณะที่ downside risk ได้แก่ เศรษฐกิจที่อ่อนแอ การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ และการแข่งขันที่สูงกว่าคาด