“ประธานศาลฎีกา” เปิดโครงการ “เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 สร้างโอกาสเด็กชายแดนใต้

"ประธานศาลฎีกา” เปิดโครงการ “เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 พร้อมส่งเสริมโอกาสให้เยาวชนจากชายแดนใต้มีความรู้ด้านกฎหมายและคุณธรรม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 มกราคม 2568) เวลา 08:00 น.ที่ศาลฎีกา นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกาให้เกียรติเป็นประธานและกล่าวให้โอวาทในพิธีเปิดโครงการ “เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยมีนายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นผู้กล่าวรายงาน ในการนี้ ผู้บริหารสำนักประธานศาลฎีกา ผู้บริหารศาลฎีกา และผู้บริหารสำนักงานประธานศาลฎีกาเข้าร่วมพิธีด้วย

นางชนากานต์ กล่าวว่ามีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 ในวันนี้การที่สำนักงานศาลยุติธรรมจัดโครงการขึ้นนับเป็นสิ่งที่ดีสอดคล้องต่อ นโยบายประธานศาลฎีกาด้านการ “สานต่อ” ข้อที่ 6 “ส่งเสริมและพัฒนาการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้เยาวชน และประชาชนเข้าใจ เข้าถึงกระบวนการทางการศาล และรับรู้สิทธิของตนตามกฎหมาย” เนื่องจากเมื่อเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมีโอกาสได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องทางด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม เข้าใจถึงบทบาท และหน้าที่ของศาลยุติธรรมในฐานะองค์กรหลักของประเทศที่ใช้อำนาจตุลาการ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่คนในชาติโดยไม่เลือกปฏิบัติภายใต้หลักนิติธรรม ในโอกาสต่อไปภายหน้าหากมีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการทางศาลย่อมเข้าใจและเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้

นอกจากนี้ในโครงการยังมีการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้แก่เยาวชน ด้วยการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินชีวิตอย่างสันติสุข ภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย รวมถึงจัดให้มีการแนะนำแนวทางการศึกษาวิชากฎหมายให้แก่เยาวชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ ในอนาคตของตนเอง นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับประโยชน์จากความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และกระบวนการพิจารณาคดีของศาล ตลอดจนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ทางด้านกฎหมายที่จะเป็นการเพิ่มพูนทักษะ และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีต่อชุมชน ต่อสังคม และประเทศชาติ ตั้งแต่วัยเยาว์อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและสันติภาพอย่างยั่งยืนในภายภาคหน้า

ทั้งนี้ เยาวชนในโครงการได้ศึกษาดูงานศาลฎีกานิทรรศน์ ศูนย์การเรียนรู้ทางด้านกฎหมายและกระบวนการทางศาล และยอดประสาทยุติธรรม ต่อจากนั้นเยาวชนได้ศึกษาดูงานห้องพิจารณาคดี 218 ซึ่งห้องพิจารณาคดีดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากใช้ในการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ยังได้ศึกษาดูงานห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา รับชมวีดิทัศน์ “คดีพระยอดเมืองขวาง” และรับชมวีดิทัศน์ “ความรู้เกี่ยวกับศาลฎีกา” เป็นต้น

อีกทั้งต่อมา เวลา 15.00 น. ที่โรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพ ฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ให้เกียรติเดินทางมาให้โอวาทแก่เยาวชนที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ “เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 จำนวน 120 คน โดยมีนายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งมีนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการโครงการเยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน พร้อมคณะให้การต้อนรับ

พลเอกสุรยุทธ์ กล่าวให้โอวาทเยาวชนว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้มีโอกาสพบกับผู้บริหารศาลยุติธรรม และเยาวชนทั้ง 120 คนจากโครงการ “เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 ซึ่งเป็นตัวแทนจากจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจากอำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ขอชื่นชมสำนักงานศาลยุติธรรม ที่จัดโครงการนี้ให้แก่เยาวชน ซึ่งเป็นรุ่นที่ 9 แล้ว โครงการนี้เปิดโอกาสให้เยาวชนจากพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เข้ามาฝึกอบรม และศึกษาดูงานด้านการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้และประสบการณ์ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แล้วยังมีโอกาสรู้จักเพื่อนใหม่ ได้แลกเปลี่ยนความคิด แบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกันด้วย

นอกจากนี้ที่ผ่านมา ตนเองก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนชายแดนใต้  เช่นโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้ ”โดย โครงการ ฯ ดังกล่าวได้ดำเนินการมานานแล้ว ซึ่งโครงการเยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน และ โครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้  แม้จะมีรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างกัน แต่ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือให้เยาวชนที่ได้รับโอกาส ในการเรียนรู้ ปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมจะเติบโต เป็นผู้ใหญ่ ในวันข้างหน้าที่มีคุณภาพของสังคม และในอนาคต เยาวชนที่อยู่โครงการเยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน จำนวน 120 คน นี้ อาจจะครึ่งหนึ่ง มุ่งมั่นเรียนไปทางด้าน นิติศาสตร์ เป็นทนายความเป็นนิติกร หรือเป็นผู้พิพากษา ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องการคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต เพราะอาชีพกฎหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับการตีความ การตีความสามารถตีความได้หลายแง่หลายมุมดังนั้นต้องอาศัยอยู่บนหลักพื้นฐานของความยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความเป็นธรรม ตนจึงขอให้เยาวชนทุกคนหมั่นเพิ่มพูนศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะความรู้ทางด้านกฎหมายที่ได้รับนี้ และมีความมั่นคงในสติปัญญาบนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรมอันดีไว้

อย่างไรก็ตาม ขนาดนี้เราอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม ความเชื่อ ความแตกต่าง  ความหลากหลายในด้านเชื้อชาติ แต่เมื่อเรามีความรักความสามัคคี จะทำให้สังคมน่าอยู่สงบสุขร่มเย็น  อีกทั้งขอให้เยาวชน มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดา มารดา และต่อประเทศชาติเพื่อร่วมกันสร้างความสงบร่มเย็น และความเจริญมั่นคงให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืนสืบไป

นายธีรทัย กล่าวว่า วันนี้ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้โอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ทัดเทียมกับเยาวชนในภูมิภาคอื่นด้วยเหตุดังกล่าว สำนักงานศาลยุติธรรม โดยกองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ จึงได้จัดโครงการ “เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ทางด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของเด็กและเยาวชนตามกฎหมาย ให้แก่เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ด้วยรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลาย

ทั้งนี้การบรรยาย  ให้ความรู้ในหัวข้อเกี่ยวกับกฎหมาย การศาลยุติธรรม การศึกษาวิชากฎหมายทั้งในและต่างประเทศ การแนะนำแนวทางสู่การเป็นผู้พิพากษา และวิชาชีพกฎหมายอื่น ๆ ตลอดจนกิจกรรมเสริมสร้างทัศนคติในการดำเนินชีวิตที่ดี ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เพื่อการเรียนรู้ตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังจัดให้มีการศึกษาดูงานการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีของศาลยุติธรรม การเข้าเยี่ยมคารวะบุคคลสำคัญของประเทศ ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา รองประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี และประธานองคมนตรี

สำหรับโครงการ“เยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน” รุ่นที่ 9 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 31 มกราคม 2568 ซึ่งคัดเลือกเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ อายุระหว่าง 15-18 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าในสถาบันการศึกษา ที่ตั้งในจังหวัดชายแดนใต้หรือมีภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จำนวนทั้งสิ้น 120 คน

Back to top button