EGCO ปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้า “RISEC” กำลังผลิต 609 เมกฯ ในอเมริกา
EGCO ปิดดีลขายหุ้น 49% ใน RISEC Holdings, LLC (RISEC) กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ อยู่ในสหรัฐอเมริกา ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA) เสร็จสมบูรณ์ สอดคล้องกับแนวทางการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ตามที่ EGCO RISEC II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO Group ถือหุ้นทั้งหมดและจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ SENA และบริษัทย่อย 2 บริษัทของ Carlyle Group (Carlyle) ได้แก่ Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC และ Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เพื่อขายหุ้นในสัดส่วน 49% ที่ถือใน RISEC ให้แก่ SENA
ในขณะเดียวกัน Carlyle ก็ขายหุ้นของตนเองในสัดส่วน 51% ใน RISEC ให้แก่ SENA นั้น ทั้งนี้ การขายหุ้นดังกล่าว ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 เป็นผลให้ SENA เป็นเจ้าของ RISEC ในสัดส่วน 100% ในขณะที่ EGCO Group และ Carlyle ได้สิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ RISEC
“การขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Triple P” ด้านการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน (Portfolio Management) ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดย EGCO Group ยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน โดยบริษัทมีแผนจะนำรายได้จากการขายหุ้นครั้งนี้ไปใช้สำหรับการลงทุนใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” ดร.จิราพร กล่าวเสริม
สำหรับ EGCO Group ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้า RISEC ช่วงต้นปี 2566 ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้จำหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงค์แลนด์ (ISO-NE) และทำสัญญาขายกำลังผลิตพร้อมจ่ายทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงและระบบไฟฟ้า Blackstart กับ ISO-NE รวมทั้งได้ทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าอื่น ๆ กับ SENA ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบรับจ้างแปลงพลังงาน (Energy Tolling Agreement)