“ดาวโจนส์-S&P500-Nasdaq” ร่วงหนัก หวั่น “AI” จีนต้นทุนต่ำ ฉุดราคาหุ้นเทคฯ สหรัฐ
ดาวโจนส์-S&P500-Nasdaq ร่วงหนัก หลังจีนเปิดตัว DeepSeek เอไอต้นทุนต่ำ ประสิทธิภาพสูง หวั่นกระทบตลาดเทคโนโลยีของสหรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (27 ม.ค. 68) ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในกลุ่มธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังการเปิดตัวโมเดล AI จาก บริษัท ดีปซีค (DeepSeek) ของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดเทคโนโลยีของสหรัฐ โดย ณ เวลา 21:42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,290.48 จุด ลบ 133.77 จุด หรือ 0.3% ส่วนดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.7% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 2.9%
ทั้งนี้ DeepSeek เป็นธุรกิจสตาร์ตอัปของจีน ซึ่งมีอายุเพียง 1 ปี แต่ได้เปิดตัวโมเดล AI ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าแชตบอตระดับโลกอย่าง ChatGPT ของ OpenAI โดยใช้ต้นทุนน้อยกว่าและสามารถทำงานบนชิปที่มีขีดความสามารถต่ำกว่า
ขณะที่ DeepSeek เปิดตัวโมเดล AI แบบ open-source ในเดือนธ.ค.2567 โดยระบุว่าใช้เวลาในการพัฒนาเพียง 2 เดือน และใช้ต้นทุนต่ำกว่า 6 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ใช้ชิป H800s ซึ่งเป็นชิปประสิทธิภาพต่ำของ Nvidia โดยการเปิดตัวดังกล่าวของ DeepSeek สร้างความตื่นตระหนกต่อความเป็นผู้นำโลกในธุรกิจ AI ของสหรัฐ และเกิดการตั้งคำถามต่อการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีได้ใช้งบประมาณมากมายในการพัฒนาโมเดล AI และการตั้งศูนย์ดาต้าเซนเตอร์ในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐต่างดิ่งลงอย่างหนักในวันนี้ โดย Nvidia ทรุดตัวลง 10%, Broadcom ร่วงลง 12%, AMD ลบ 4%, Microsoft รูดลง 4.3% ส่วน Amazon และ Meta Platforms ต่างปรับตัวลงมากกว่า 2%
ทั้งนี้ การปรับตัวลงดังกล่าวมีขึ้น ก่อนที่หุ้นในกลุ่ม “Magnificent Seven” จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง Meta, Microsoft, Tesla และ Apple
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ขณะที่ นักลงทุนพากันเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้นเป็นเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนก.ย. หลังปธน.ทรัมป์กดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมในเดือนมิ.ย.และก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568