
“ดร.สันติธาร” ตั้งประเด็น “DeepSeek” 5 ข้อ เขย่าวงการ AI ทั่วโลก
ดร.สันติธาร เสถียรไทย ได้ตั้งคำถามสำคัญ 5 ข้อ จากการเติบโตของ DeepSeek สตาร์ตอัพเอไอจีน ที่อาจท้าทายสหรัฐฯ และเปลี่ยนแปลงอนาคตของเทคโนโลยีโลก
ผู้สื่อข่าวรายงาน (28 ม.ค.68) ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักยุทธศาสตร์และนักคิดชั้นนำของประเทศไทย ได้เผยมุมมองเกี่ยวกับการขึ้นมาของ DeepSeek สตาร์ตอัพด้านเอไอจากจีน ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงและมีผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลก โดยดร.สันติธารได้ตั้งคำถามสำคัญ 5 ข้อที่อาจส่งผลต่ออนาคตของเทคโนโลยีเอไอและโลกการเมืองเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
1.จีน vs สหรัฐฯ
การเกิดขึ้นของ DeepSeek ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเอไอของสหรัฐฯ ว่ายังสามารถครองความเป็นผู้นำโลกได้หรือไม่ หรือจีนสามารถตามทันและท้าทายความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ได้แล้ว แม้จะเผชิญกับการกีดกันจากการเข้าถึงชิปคุณภาพสูงจากสหรัฐฯ และพันธมิตร เมื่อจีนพัฒนาเอไอได้รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำกว่ามาก สหรัฐฯ อาจต้องตอบโต้อย่างไรในสงครามการค้าและเทคโนโลยี
2.ความสิ้นเปลืองทรัพยากร
DeepSeek ใช้เงินในการพัฒนาเอไอน้อยกว่าบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา 20-30 เท่า โดยใช้ชิปที่มีความสามารถต่ำกว่า แต่ยังสามารถสร้างโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพสูงได้ จึงทำให้เกิดคำถามในหมู่นักลงทุนว่า การลงทุนในชิปที่ทรงพลังที่สุดมีความจำเป็นจริงหรือไม่ และคำถามสำคัญคือ เรากำลังลงทุนไปกับ “เนื้อ” หรือ “ไขมัน” กันแน่
3.โมเดลแบบเปิด vs ปิด
ในสงครามเทคโนโลยีเอไอที่ถูกมองว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างสหรัฐฯ และจีน อีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญคือ โมเดลแบบเปิด (Open Source) ซึ่ง DeepSeek ใช้โมเดลแบบเปิดที่สามารถให้คนอื่นนำไปพัฒนาต่อยอดได้ ต่างจากโมเดลปิดของ OpenAI ที่เก็บข้อมูลเป็นความลับ การเปิดเผยสูตรหรือโค้ดให้ทุกคนสามารถใช้พัฒนาต่อได้อาจส่งผลให้ DeepSeek กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับโมเดลปิดในอนาคต
4.ผู้นำ vs ผู้ตาม
DeepSeek ใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนในการพัฒนาเอไอที่มีความสามารถใกล้เคียงกับโมเดลล่าสุดของ OpenAI โดยใช้โมเดลของ OpenAI ในการฝึกสอนโมเดลของตัวเอง ทำให้เกิดคำถามว่า ในวงการเอไอจริงๆ แล้วผู้นำสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้ยากหรือไม่ เมื่อผู้ตามสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันได้ในระยะเวลาอันสั้นและต้นทุนที่ต่ำกว่า
5.อนาคตของเอไอ
สำหรับผู้ใช้เอไอ พัฒนาการครั้งนี้อาจนำไปสู่ผลดีในด้านการเข้าถึงที่ถูกลงและง่ายขึ้น เพราะต้นทุนในการพัฒนาเอไอลดลง ทำให้ค่าบริการถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้น นอกจากนี้ โมเดลแบบเปิดยังช่วยให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถศึกษาและนำไปพัฒนาต่อยอดได้ แต่ในด้านลบ การแข่งขันที่สูงขึ้นอาจทำให้การกำกับดูแลความเสี่ยงลดน้อยลง ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาเอไอที่มีความเสี่ยงต่อสังคม
จากการที่ DeepSeek ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วและสามารถแข่งขันกับผู้นำในวงการเทคโนโลยีได้ เทคโนโลยีเอไอในอนาคตอาจมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคมและเศรษฐกิจ โดยทั้งในแง่บวกและแง่ลบ จึงเป็นเรื่องที่เราควรติดตามและพิจารณาอย่างใกล้ชิด