NAM ทุ่ม 150 ล้าน! เข้าถือหุ้น “อินโนเวทีฟฯ” 60% รุกตลาด “เครื่องมือผ่าตัด”

NAM อัดงบ 150 ล้านบาท เข้าถือ “อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์” สัดส่วน 60% รุกอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัด หวังต่อยอดธุรกิจต้นน้ำ พร้อมชูสัดส่วน 50 ของรายได้ บุ๊กทันทีไตรมาส 1/68 พร้อมกางแผน “สปินออฟ” เข้าตลาดฯภาย 2 ปี ปักธงรายได้ปีนี้ “ออลไทม์ไฮ” โต 50% แตะ 1.7 พันล้านบาท


นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NAM ผู้ดำเนินธุรกิจวิจัยและพัฒนา ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯเข้าลงทุนในบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นสูงเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 60% โดยมีมูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท

โดยขณะนี้บริษัทฯดำเนินการด้านธุรกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาสนี้เป็นต้นไป และเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 4-5 ปี

“การลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจผ่านการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัดของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูงที่มีส่วนสำคัญสำหรับใช้งานในห้องผ่าตัด รวมทั้งเป็นการต่อยอดธุรกิจต้นน้ำของบริษัทฯ เนื่องจากทุกการตรวจหรือรักษาในงานห้องผ่าตัดจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบการทำความสะอาดและล้างอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทำให้ปราศจากเชื้ออีกด้วย” นายวิโรจน์กล่าาวเพิ่มเติม

สำหรับบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจในด้านการจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงทั้ง การตรวจวินิฉัยโรค และให้การรักษาพยาบาล ทั้งกลุ่มโรคพื้นฐานทั่วไป โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็ง เป็นต้น โดยกลุ่มลูกค้าขครอบคลุมทั้ง โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน  ซึ่งจากการมุ่งเน้นการให้บริการสินค้าที่มีคุณภาพสูง พร้อมบริการหลังการขายจากทีมงานที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ส่งผลทำให้ในปี 2567 มียอดขายประมาณ 830 ล้านบาท (ยอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท) และในปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ ข้างต้น โดยการพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงกระบวนการผลิตอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและธุรกิจของ NAM ในอนาคต และส่งเสริมให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 50% จากปีก่อน โดยวางแผนกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจจากการขยายกิจการไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดการเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากการขยายธุรกิจในปีที่ผ่านมาจาก 3 บริษัทย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้นโยบายด้านสาธารณสุขยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกอาทิ 30 บาทรักษาทุกที่ทั่วทั้งประเทศ 77 จังหวัด แผนเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ดีขึ้น เช่น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สู่โรงพยาบาลอำเภอที่มีขนาดเล็ก และแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในกลุ่มของบริษัทฯมากขึ้น

อีกทั้งทยอยรับรู้รายได้จากบริษัทร่วมทุนกับ “พฤกษา โฮลดิ้ง” (PSH) และ Somnics, Inc. ประเทศไต้หวัน รวมทั้งบริษัทฯเข้าซื้อหุ้นสามัญของ Reintech Sdn. Bhd. สัดส่วน 60% ในประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์, วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์จะเข้ามาหนุนอีกทาง

“บริษัทตั้งเป้าปีนี้รายได้โตแรง 50% แตะ 1,700 ล้านบาท หลังเข้าถือหุ้น “อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์” ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นสูงในสัดส่วน 60% มูลค่าการลงทุน 150 ล้านบาท โดยภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าวจะช่วยต่อยอดการวิจัยพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาทันทีในไตรมาส 1/68 และเชื่อมั่นจะผลักดันผลงานเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากสัดส่วนรายได้กลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัดจะมีสัดส่วนราว 50% ของรายได้รวม นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนนำเข้าตลาดภายใน 2 ปีข้างหน้า” นายวิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ ข้างต้น โดยการพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงกระบวนการผลิตอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและธุรกิจของ NAM ในอนาคต และส่งเสริมให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

Back to top button