PTTEP โชว์กำไรปี 67 โต 3% ทะลุ 7.8 หมื่นล้าน แจกปันผล 5.125 บาท
PTTEP เปิดกำไรปี 67 โต 3% ทะลุ 7.8 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 7.7 หมื่นล้านบาท รับปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากโครงการจี 1/61 และโครงการยาดานา ด้านบอร์ดเคาะปันผล 5.125 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 25 ก.พ.68 กำหนดจ่าย 22 เม.ย.68
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลการดำเนินงานงวดประจำปี 67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
สำหรับ PTTEP รายงานผลประกอบการปี 67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 78,824.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.76% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 76,706.39 ล้านบาท เป็นผลมาจาก กำไรจากการดำเนินงานปกติของบริษัทลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 มาอยู่ที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มกำลังการผลิตของโครงการจี 1/61 ตามแผน และการรับสัดส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการยาดานาภายหลังการถอนการลงทุนของผู้ร่วมทุน อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทปรับลดลงร้อยละ 3 มาอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็น 29.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลง
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 มาอยู่ที่ 2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากในปี 2566 บริษัทมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ในโครงการโมซัมบิก แต่ปี 2567 ไม่มีรายการดังกล่าว
ในปี 2567 ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมียอดขายเฉลี่ยที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปี 2566 ที่มียอดขายเฉลี่ย 462,007 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการจี 1/61 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนมีนาคม 2567 รวมถึงโครงการยาดานาที่มีสัดส่วนการผลิตเพิ่มขึ้นหลังจากผู้ร่วมทุนยุติการลงทุนในเดือนเมษายน 2567
อย่างไรก็ตาม ราคาขายเฉลี่ยลดลงร้อยละ 3 อยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (ปี 2566 อยู่ที่ 48.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) ซึ่งลดลงตามทิศทางราคาตลาดของน้ำมันดิบและราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง โดยเฉพาะจากโครงการจี 1/61 และโครงการจี 2/61
กำไรสุทธิของบริษัทสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงจากปี 2566 ที่มีกำไร 2,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติในปี 2567 อยู่ที่ 2,262 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปี 2566 สาเหตุหลักมาจากค่าเสื่อมราคา ค่าสูญเสีย และค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการจี 1/61 และโครงการซอติก้า รวมถึงโครงการเอส 1 ที่มีสินทรัพย์พร้อมใช้งานเพิ่มขึ้น
แม้ว่ารายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากโครงการจี 1/61 และโครงการยาดานา แต่กำไรกลับลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการจี 1/61 โครงการอาทิตย์ และโครงการมาเลเซียที่มีค่าใช้จ่ายจากกิจกรรมซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น รวมถึงโครงการคอนแทร็ค 4 และโครงการบี 8/32 และ 9 เอ ที่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายจากค่ารื้อถอนต่ำกว่าประมาณการในปีก่อน
นอกจากนี้ ภาษีเงินได้ลดลงตามกำไรที่ลดลง ส่วนใหญ่เกิดจากประเทศไทยและมาเลเซีย ขณะที่ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติในปี 2567 อยู่ที่ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากปี 2566 ที่ขาดทุน 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุหลักมาจากการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 ในปีที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัท ในอัตราหุ้นละ 9.625 บาท และให้นำเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ต่อไป ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 4.50 บาท จึงยังคงเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวด 6 เดือนหลังของปี 2567 ที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 5.125 บาท
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมปันผลจากงวดดำเนินงานประจำปี 67 โดยจ่ายปันผลจากกำไรสะสม เป็นเงินสด 5.125 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 25 ก.พ.68 และกำหนดจ่าย 22 เม.ย.68